Category Archives: ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

วิธีการเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นปฏิเสธ ด้วย helping verb (verb to do, verb to have, verb to be)

helping verb (verb to do, verb to have, verb to be)

การเปลี่ยนประโยคให้เป็นประโยคปฏิเสธมีหลักยังไงคะ?

helping-verb
helping verb
  • โดยปกติประโยคปฏิเสธจะมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไปตาม tense นะคะ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแต่ละ tense จะมีกริยาช่วย (helping verb) ไม่เหมือนกัน
  • เหตุผลที่ต้องพูดถึง helping verb ก็เพราะว่า เจ้ากริยาช่วยนี่แหละค่ะที่จะช่วยเราในการเปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ
  • วิธีการก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แค่เอา not ไปใส่ไว้หลังกริยาช่วยในประโยคก็สามารถทำให้เป็นประโยคปฏิเสธได้แล้วล่ะค่ะ

กริยาช่วยมีอะไรบ้าง?

กริยาช่วยก็คือ

  • verb to do (do, does, did)
  • verb to have ( have, has, had)
  • verb to be ( is, am, are, was, were)

ลองมาดูตัวอย่างของแต่ละ tense กันเลยค่ะ

  • I go to work by bus every day. ( present simple tense)

ลองสังเกตประโยคนี้นะคะ ประโยค present simple tense บางประโยคจะไม่มี verb ช่วย ให้เราเอา verb to do เข้ามาช่วยทำให้เป็นปฏิเสธนะคะ ก็จะเป็น

  • I do not go to work by bus every day.

present simple tense บางประโยคเช่น

  • They are my friends.

ให้เติม not หลัง are ได้เลยค่ะ เป็น

  • They are not my friends.

ลองดู tense อื่นกันค่ะ Continue reading

คำนามในภาษาอังกฤษ (parts of speech)

คำนามในภาษาอังกฤษ (parts of speech)

คำนาม [Noun]

บทความนี้จะอธิบายถึงหน้าที่ของ คำนาม(parts of speech) ค่ะ คำนามก็คือ คำเรียกแทน คน สัตว์ สิ่งของ ทำไมถึงจำเป็นต้องรู้ หน้าที่ของมัน? ก็เพราะว่า เวลาที่เราเขียนเราจะได้รู้ว่า ตรงตำแหน่งไหนในประโยคที่ สามารถจะเป็นคำนามได้บ้าง มาดูหน้าที่ของ คำนาม กันค่ะ

** ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น

  • The dog is getting angry.
    สุนัขตัวนั้นเริ่มโมโหแล้วนะ (Dog เป็นคำนามและทำหน้าที่เป็น ประธานของประโยค)

แล้วถ้าเราอยากเอา คำกริยา มาเป็นประธานบ้างล่ะ จะต้องทำยังไง วิธีแก้ก็คือ เอาคำกริยาเหล่านั้น เติม ing ซะ หรือ เติม To หน้าคำกริยานั้น มันก็จะเป็นคำ เสมือนคำนาม แล้วล่ะค่ะ เช่น

  • Drinking alcohol is not good for health.

หรือ

  • To drink alcohol is not good for health.

** ทำหน้าที่เป็นกรรม  อันนี้ขอแบ่งย่อยเป็น 2 ข้อนะคะ Continue reading

Passive Voice ในภาษาอังกฤษ

Passive Voice ในภาษาอังกฤษ

# “เราจะยิงลูกธนูได้ ก็ต่อเมื่อเราดึงมันไปข้างหลัง เช่นเดียวกัน เมื่อชีวิตฉุดรั้งคุณให้ถอยกลับหลังด้วยกับอุปสรรคต่างๆนาๆ ก็แค่ให้เราคิดว่ามันกำลังจะปล่อยคุณให้พุ่งไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่”

** ขอพูดถึงไวยากรณ์ก่อนนิดนึงนะคะ ^^   สังเกตประโยคนี้นะคะ

  • An arrow can only be shot…

ประโยคนี้เป็นประโยค passive voice ซึ่งก็คือโครงสร้างประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ ในภาษาอังกฤษมีการใช้ passive voice บ่อยมากๆเหมือนกัน ในประโยคนี้เราต้องการเน้นให้ลูกธนูเป็นประธาน และลูกธนูจะต้องถูกยิง เพราะมันยิงตัวมันเองไม่ได้ ฉะนั้นเราจะต้องให้มันอยู่ในรูปของ passive voice ค่ะ

ปกติแล้วโครงสร้างของ passive voice โดยทั่วไปก็คือ  Verb to be + V ช่องที่ 3

แต่ในประโยคนี้ใช้ กริยาช่วย (Modal verb) can  โครงสร้าง passive voice ของประโยคที่มี modal verb คือ  Modal verb + be + V ช่อง 3
ประโยคนี้เลยออกมาเป็น

  • An arrow can only be shot…

** อ้อ !! จำไว้นิดนึงค่ะ รูปร่างหน้าตาของประโยค passive voice ในแต่ละ tense นั้น มีความแตกต่างกันไปตามโครงสร้างเดิมของ tense นั้นๆนะคะ
——————–
*** ชีวิตคนเราอาจไม่ได้เดินไปข้างหน้าตลอดเวลา อาจมีบางคราวที่จำเป็นต้องหยุดนิ่งหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถอยกลับมา แต่บททดสอบเหล่านั้นอาจกำลังบอกคุณว่าอีกไม่นานสิ่งดีๆกำลังจะเข้ามาในชีวิต คุณก็ได้ ขอเพียงเราอดทน ไม่ย่อท้อ หมดกำลังใจไปเสียก่อน ดังคำกล่าวที่ว่า
“ฟ้าหลังฝน ย่อมสวยงามเสมอ”  หรือมีคำกล่าวในภาษาอังกฤษบอกไว้ว่า

  • Every cloud has a silver lining.
    อาจมีลำแสงสีเงินคอยส่องประกายอยู่ในเงาเมฆที่มืดดำก็ได้

เป็นกำลังใจให้ทุกชีวิตผ่านพ้นบททดสอบนะคะ ^^

ลักษณะคำที่บ่งบอกว่าเป็นคำนามในภาษาอังกฤษ [Nouns]

ลักษณะคำที่บ่งบอกว่าเป็นคำนามในภาษาอังกฤษ (Nouns)

คำนานคือคำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ ความคิด ความรู้สึก ซึ่งมีทั้งนามนับได้(countable) และนามนับไม่ได้(uncountable) เช่น

  • ชื่อ --> Bill Gates, teacher, student, tiger , water
  • สิ่งของ --> boy, sign, table, hill, water, sugar, atom, elephant, book, Excel
  • สถานที่ --> classrom, the internet, city, hill, road, stadium, school,company, Bangkok , Thailand
  • เหตุการณ์ --> revolution, journey, meeting
  • ความรู้สึก --> fear, hate, love
  • ความคิด --> attitude, ability, freedom, concept, development
  • เวลา --> year, minute, millennium

ลักษณะคำที่บ่งบอกว่าเป็นคำนามในประโยค

  • คำที่มี s, es ต่อท้าย เนื่องจากนามคำนั้นอยู่ในรูปพหูพจน์ …อ่านเพิ่มเติมวิธีการเปลี่ยนนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์
  • คำที่มี suffix เหล่านี้ต่อท้าย -ment, -ness, -er, -tion, -tude, -ity, -ism เช่น computer, manger, goodness, moment, nation, ability เป็นต้น …ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในวิธีการเปลี่ยนคำกริยาเป็นคำนาม
  • คำที่มี Articles a an the นำหน้า เช่น a table, the table, a movie, an egg, an experiment(การทดลอง) เป็นต้น

ตัวอย่างเช่น

  • I have a book. ฉันมีหนังสือหนึ่งเล่ม
  • I have two books. ฉันมีหนังสือสองเล่ม (ทำเป็นรูปพหูพจน์โดยการเติม s ที่ท้ายคำนามที่นับได้)
  • I bought some books.

*** คำนามที่นับไม่ได้จะไม่สามารถนำหน้าด้วย Articles a an the และไม่สามารถเติมs,es ท้ายคำนามนั้นได้ ตัวอย่างเช่น

  • I have water. (ไม่สามารถใช้ Articles a an the นำหน้าคำนาม water ได้)
  • I have some water. (ห้ามเติม s ที่ท้ายคำนามนับไม่ได้ water)
  • I have two cups of walter. (เติม s ที่ท้ายคำนามนับได้ cup เท่านั้น)

วิธีการเปลี่ยนนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ [Singular and Plural Nouns]

วิธีการเปลี่ยนนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์

วิธีการเปลี่ยนนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ [Singular and Plural Nouns]

1. ให้เติม s หลังนามเอกพจน์ทั่วๆไป
book --> books หนังสือ
cat --> cats แมว
hand --> hands มือ
star --> stars ดาว

2. เติม s ได้เลยเมื่อนามนั้นลงท้ายด้วย e

house --> houses บ้าน
face --> faces หน้า
plate --> plates จาน
place --> places สถานที่
size --> sizes ขนาด

3. คำนามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, ss,sh,ch, x, z เมื่อเป็นพหูพจน์ ให้เติม es

bus --> buses รถประจำทาง
glass --> glasses แก้ว
box --> boxes กล่อง
bush --> bushesพุ่มไม้
bench --> benches ม้านั่ง
buzz --> buzzes เสียงหึ่งๆเหมือนเสียงผึ้ง

ข้อยกเว้น
monarch --> monarchs กษัตริย์ (เพราะ ch ในคำนี้ออกเสียงเป็น ค ไม่ใช่ ช)

4. คำนามที่ลงท้ายด้วย o ให้เติม s
Continue reading

การใช้ a กับ the โดย อาจารย์อดัม.คอม

การใช้ a กับ the

การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง a กับ the ค่อนข้างสำคัญในการใช้ภาษาอังกฤษนะครับ ทั้งสองคำเป็นคำนำหน้านามเพียงแต่ว่า the เป็นคำนำหน้านามชี้เฉพาะในขณะที่ a เป็นคำนำหน้านามไม่ชี้เฉพาะ

สรุปง่ายๆก็คือ a หมายถึงอันใดอันหนึ่งที่ไม่เฉพาะเจาะจง เหมือนคำว่า สักอัน ส่วน the ก็เฉพาะเจาะจงเหมือน that กับ this คือทั้งผู้ฟังและผู้พูดเข้าใจว่ากำลังพูดถึงสิ่งไหนอยู่ อาจจะเป็นเพราะผู้พูดว่ามาแล้วหรือเพราะมันชัดเจนอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างดีกว่า สมมุติมีทีวีหลายเครื่องอยู่ในห้องสักห้องหนึ่งแต่มีทีวีจอใหญ่แค่เครื่องเดียว ถ้าเราอยากบอกว่า เปิดทีวีจอใหญ่ก็จะพูดว่า Turn on the big screen TV. โดยใช้ the เพราะมีทีวีจอใหญ่เครื่องเดียว ดังนั้นผู้ฟังทุกคนเข้าใจว่าเราพูดถึงเครื่องไหนทั้งๆที่เราไม่ได้บอกก่อนหน้านั้นครับ แต่ถ้าบอกว่า Turn on the TV. ผู้ฟังจะไม่รู้ว่าเครื่องไหนเพราะมีหลายเครื่อง
ส่วน Turn on a TV. ก็จะหมายถึงเปิดทีวีสักเครื่องหนึ่ง

infinitives ในภาษาอังกฤษคืออะไร [infinitives in English]

infinitives ในภาษาอังกฤษคืออะไร

Infinitive (Infinitive with to) คือคำกริยาหรือกลุ่มคำกริยาที่อยู่ในรูป simple tense(กริยาช่องที่1) ที่มี to นำหน้า [to + verb/verb phrase] เช่น to go(จะไป), to do(จะทำ), to make(เพื่อจะทำ), to watch(จะดู), to see(จะมอง), to learn(จะเรียนรู้), to play(จะเล่น)

เรามาทำความเข้าใจ Infinitive จากคลิปวีดีโอกันดูนะครับ
infinitives in English (An American English teacher explains how infinitives are used.)

*** to เป็นได้ทั้งส่วนประกอบของ the infinitive และส่วนประกอบของกลุ่มคำบุพบท(preprositional phrase) เช่น
I want to talk to you. (to talk=infinitive, to you = preposition)
I need to go. (to go = infinitive)
I need to go to the store.
I walked to work. (to work = preposition))

——————————————–
การใช้ในรูป Passive Infinitives (การใช้ Verb to be ในรูปของกริยาช่วย กับกริยาช่องที่3 จะสื่อความหมายว่าถูกกระทำหรือที่เรียกว่า passive voice) Continue reading

ชนิดของคำในภาษาอังกฤษ [parts of speech]

คำต่างๆในภาษาอังกฤษ (parts of speech)

8 PARTS OF SPEECH ( www.321grammar.com)

parts of speech คือ ชนิดของคำต่างๆในภาษาอังกฤษซึ่งมีหน้าที่และตำแหน่งที่แตกต่างกันไปในประโยค แบ่งออกได้เป็น

1. คำนาม (noun) คือคำที่ใช้เรียกสิ่งต่างๆ เช่น ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ นับได้และนับไม่ได้ เช่น teacher, bird, pen, child, elephant, computer, love, idea, happiness, taste, team, army, committee เป็นต้น

2. คำสรรพนาม (pronoun) คือคือคำที่ใช้แทนคำนามเพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงที่ซ้ำซาก เช่น I, you, we, he , she ,it, they, myself, all, some, any, somebody, something, someone, Who, Which, What เป็นต้น

3. คำกริยา (verb) คือคำบอกอาการหรือการกระทำ(action) หรือความมีอยู่เป็นอยู่ (being) เช่น run, buy, walk, hit, eat เป็นต้น Continue reading

การใช้ Do, Does, Did, Don’t, Doesn’t, Didn’t

การใช้ Do, Does, Did, Don’t, Doesn’t, Didn’t

1. การใช้ Do, Does (english4shared)

2. การใช้ did (english4shared)

3. การใช้ Do, Does, Did, Don’t, Doesn’t, Didn’t (https://www.engvid.com/)

การใช้ Do,Does
I,you,we,they ใช้กับ Do
He,she,it,the boy,a cat (เอกพจน์บุรุษที่ 3) ใช้กับ Does
—————————————-­——————–

1. การใช้ Do, Does ให้เป็นกริยาแท้ของประโยค
I do my home work.
He does his home work.

2. การใช้ Do, Does ในหน้าที่ของกริยาช่วย เพื่อให้ประโยคนั้นเป็นประโยคปฎิเสธหรือประโยคคำถาม
2.1 I love him.
==> เปลี่ยนเป็นประโยคปฎิเสธ
I do not love him./I don’t love him.
==> เปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม
Do I love him? (Yes,I do.)
—————————————-­——————– Continue reading

เมื่อต้องการสื่อภาษาอังกฤษให้รู้ว่า “กำลังทำ” [Continuous Tense]

“กำลังทำ” Continuous Tense

“กำลังทำ” Continuous Tense

ในโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ หากเราต้องการสื่อให้คนอื่นรู้ว่ากำลังทำ ทำได้โดยการใช้ Verb to be เข้ามาช่วย ให้อยู่ในรูปโครงสร้าง Verb to be + Verb-ing ที่เรียกกันว่า Continuous Tense

1. เมื่อสื่อถึงปัจจุบัน(Present Continuous)ว่ากำลังทำอยู่ จะอยู่ในโครงสร้าง [ประธาน + is,am,are + Verb-ing] โดยมีหลักการ ใช้ Verb to be(กริยาช่วย) ดังนี้

  • ประธานเป็น เอกพจน์, he, she, it ให้ใช้ is
  • ประธานเป็น I ให้ใช้ am
  • ประธานเป็น พหูพจน์, you, we, they, people ให้ใช้ are

ตัวอย่างคลิปจาก anglo-link.com

***ข้อควรระวังที่มักใช้ผิด (Common Mistakes)

  • I am living in Spain.(temporary) --> I live in Spain.
  • I am coming from Japan.(just been to Japan) --> I come from Japan.
  • Our company is producing glass. (only at the moment) --> Our company produces glass.
  • The economy is growing again this year. เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโตอีกครั้งในปีนี้(ชั่วคราว ไม่ใช่ทุกปี)
  • Look, it snows.(mistake) --> Look, it’s snowing.

2. เมื่อต้องการสื่อถึงอดีต สิ่งที่กำลังทำในตอนนั้น หรือเหตุการณ์ที่กำลังทำในตอนนั้น(Past Continuous) จะอยู่ในโครงสร้าง [ประธาน + was,were + Verb-ing] โดยมีหลักการ ใช้ Verb to be(กริยาช่วย) ดังนี้ Continue reading