Category Archives: เรียนภาษาอังกฤษกับ English 360 องศา

สำนวนน่ารู้ “You bet”

สำนวนน่ารู้ “You bet”

คำว่า “bet” ปกติจะแปลว่า “พนัน”
แต่ถ้าเรานำเอามาใช้ในสำนวนว่า “You bet!” มันจะแปลว่า  “แน่นอน, ใช่เลย”
ในทำนองเดียวกับคำว่า “for sure!” หรือ “absolutely” “definitely”  เช่น

  • Are you nervous? คุณกังวลหรือครับ
    You bet!  แน่นอนอยู่แล้วครับ
  • Will you come to the party tonight? คุณจะมางานปาร์ตี้คืนนี้มั๊ย?
    You bet. แน่นอนสิครับ

…ติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

ความแตกต่างระหว่าง so กับ such

ความแตกต่างระหว่าง so กับ such

**** ความแตกต่างระหว่าง so กับ such ****

คำว่า so / such แต่ละคำมีหลายความหมายด้วยกัน แต่ความหมายที่เหมือนกันของสองคำนี้คือ แปลว่า “มาก, อย่างมาก”
แต่วิธีการใช้ของ so กับ such ต่างกันเล็กน้อย

1.  so จะใช้กับคำ คุณศัพท์ หรือ คำกริยาวิเศษณ์  ( so + adj. / adv. )  เช่น

  • She is so beautiful.  ผู้หญิงคนนี้สวยจัง
  • I’m so hungry.  ฉันหิวมากๆเลย
  • This movie was so funny. I really love it.  หนังเรื่องนี้ตลกมาก ฉันชอบมากเลย

2.  such จะใช้กับคำนามหรือ กลุ่มคำนาม  ( such + N. / Noun Phrase )  เช่น

  • It was such a boring day.  เป็นวันที่น่าเบื่ออะไรอย่างนี้
  • My room is such a mess.  ห้องของฉันรกเอามากๆเลย
  • She is such a beautiful girl. เธอคนนี้สวยจัง

** สรุปนะคะ so / such ใช้บอกเพื่อเน้นความรู้สึก

  • so + adj. / adv.
  • such + Noun / Noun Phrase

อย่าจำสับสนนะคะ ^^

…ติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

การใช้คำว่า so far

so far

******การใช้คำว่า so far ********

so far ไม่ได้หมายถึง โซฟา ที่เราใช้นั่งกันนะคะ หากแปลตรงตัวจะแปลว่า “ไกลมาก” เช่น

  • My house is so far!. Let’s grab a cab.  บ้านผมอยู่ไกลมาก เราเรียกแท็กซี่กันเถอะ

แต่ “so far” สามารถใช้ในความหมายอื่นได้อีก ซึ่งเป็นสำนวนจะแปลว่า “จนถึงตอนนี้, จนกระทั่งเดี๋ยวนี้”
ซึ่งมักใช้คู่กับ Present perfect tense มาดูตัวอย่างประโยคกันเลยค่ะ

  • I haven’t done a good job in this class so far. จนถึงเดี๋ยวนี้ ผมก็ยังทำได้ไม่ดีเลยในชั้นเรียนนี้
  • What have you done so far? (จนถึงตอนนี้) คุณทำอะไรไปบ้างแล้วหล่ะ
  • I haven’t seen Kim so far today.  วันนี้ยังไม่ได้เจอคิมเลย

** so far จะแปลว่าอะไรนั้น ให้เราดูบริบทจากในประโยคนะคะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

ความแตกต่างของ my กับ mine

** ความแตกต่างของ my กับ mine **

คำว่า my กับ mine ใช้ในการแสดงความเป็นเจ้าของเหมือนกัน แปลว่า “ของฉัน” แต่สองคำนี้มีความแตกต่างกันเล็กน้อยคือ  “my” จะต้องตามด้วยคำนามที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ เช่นในตัวอย่างประโยคต่อไปนี้

  • This is my new bicycle.
    นี่คือจักรยานคันใหม่ของฉัน
  • Please do not move my stuff until I come back.
    กรุณาอย่าย้ายของๆฉันจนกว่าฉันจะกลับมา

ส่วน “mine” ตัวที่สองก็แปลว่าของฉันเหมือนกัน แต่ตัวนี้ไม่ต้องมีคำนามมาตามหลัง เช่น

  • The red car is mine.
    รถคันสีแดงน่ะเป็นของฉัน
  • “Excuse me, which room is mine?
    ขอโทษนะคะ ห้องไหนของฉันคะ?

** สรุปนะคะ ถ้าต้องการระบุสิ่งของให้ใช้ my แต่ถ้าไม่ต้องการระบุก็ใช้ mine ค่ะ

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

คำว่า American share มีด้วยหรือ

American share

***** คำว่า American share มีด้วยหรือ ********

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า American share เวลาที่ไปกินอาหารกับเพื่อนแล้วเพื่อนบอกว่าให้หารค่าอาหารเท่าๆกันก็มักจะ พูดคำนี้ แต่จริงๆแล้วคำว่า american share เป็นคำที่คนไทยพูดกันเอง ถ้าไปพูดกับฝรั่งหรือแม้แต่คนอเมริกันเองก็อาจจะงงได้เหมือนกัน เพราะว่าเค้าไม่ใช้คำนี้กัน

ถ้าอยากจะบอกว่า “ต่างคนต่างจ่าย” ก็จะมีสำนวนหนึ่งที่ใช้กันคือ คำว่า “go Dutch” เช่นประโยคที่ว่า

  • Do you want to have lunch with us? We will go Dutch.

ที่ใช้คำว่า go dutch ไม่ใช้ go Chinese หรือ go Ameican เป็นเพราะว่าธรรมเนียมชาวดัตช์เค้าไม่นิยมการเลี้ยงอาหารกัน เวลากินอาหารก็ต่างคนต่างจ่าย กินแค่ไหนก็จ่ายแค่นั้น  หรืออาจจะใช้ประโยคนี้แทนสำนวน go Dutch ก็ได้ค่ะ

  • Let’s pay separately.  แยกกันจ่ายนะ

หรือ

  • You pay for yourself.  ก็ได้ค่ะ

ถ้าเราต้องการจะเลี้ยงอาหารมื้อนี้ ก็บอกเป็นประโยคต่อไปนี้ได้ค่ะ

  • It’s my treat this time.
  • It’s on me.
  • All is on me.
  • I’ll pay for me this time.

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

I’m coming “ฉันกำลังไปถึง”

I’m coming “ฉันกำลังไปถึง”

ถ้าอยากจะบอกว่า “ฉันกำลังไป” ภาษาอังกฤษใช้คำว่าอะไรนะ?

ถ้าเราเกิดมีนัดกับลูกค้าชาวต่างชาติขึ้นมาแล้วมีเหตุบังเอิญให้เราไปล่าช้าจนเขาต้องโทรมาถามว่า

  • Where are you now?

แล้วล่ะก็ให้เราตอบเขาไปว่า

  • “I’m coming. นะคะ แปลว่า “ฉันกำลังไปถึง”

* I’m coming! (I’m on my way!)

*อย่าใช้ “I’m going.” อย่างที่เรามักจะเข้าใจผิดกันนะคะ เพราะมันจะหมายถึงว่า เรากำลังจะออกจากที่นั่นค่ะ

หลักการใช้ come และ go นั้น ดูง่ายๆค่ะ ให้ใช้สถานที่นัดหมายเป็นเกณฑ์ หากเรากำลังไปถึงที่นั่นให้ใช้ว่า

  • I’m coming.

แต่ถ้าหากว่าเรากำลังจะออกจากที่นั่นให้ใช้ว่า

  • “I’m going.

*ที่เราใช้กันผิดๆเพราะเราแปลตรงตัวตามภาษาไทยยังไงล่ะคะ บางทีฝรั่งอาจจะงงได้หรือเข้าใจผิดความหมายไปเลยก็มี ระวังการใช้ภาษากันนิดนึงนะคะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

ห้องน้ำในภาษาอังกฤษ Toilet, Restroom, Water Closet

ห้องน้ำในภาษาอังกฤษ

********** สุขาอยู่หนใด? *************

“ห้องน้ำ” ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์เรา ตามที่สาธารณะเช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ โรงพยาบาล ฯลฯ ก็มักมีห้องน้ำไว้บริการ ในภาษาอังกฤษมีคำที่ใช้เรียก ห้องน้ำหรือห้องสุขา อยู่มากมาย มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ^^

คำแรกที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือ “toilet” ซึ่งเป็นศัพท์ British English แต่ถ้าไปใช้ในอเมริกาจะเป็นคำที่ถือว่าไม่ค่อยสุภาพแปลเป็นไทยว่า “ส้วม” คนอเมริกันจึงมักใช้คำว่า “restroom” ซึ่งก็ตรงกับภาษาไทยคือ “ห้องสุขา” หรือ “ห้องน้ำ” นั่นเอง

บางทีก็ใช้คำว่า “Lavatory” , “Washroom” หรือ “Water Closet” โดยอาจจะใช้ตัวย่อว่า WC ก็ได้

* นอกจากนี้ยังมีคำอื่นๆที่เราอาจไม่ค่อยได้ยินกัน เช่น

  • “John” – เป็นคำแสลงที่แปลว่าห้องน้ำได้เหมือนกัน ที่ใช้คำนี้เพราะคนที่คิดห้องน้ำเป็นคนแรกในอังกฤษชื่อ นายจอห์น
  • “loo” – อ่านว่า ลู เป็นคำแสลง แปลว่าห้องน้ำได้เช่นกัน
  • “the ladies, the gents” – แปลว่า ห้องน้ำสาธารณะสำหรับสุภาพสตรี/สุภาพบุรุษ
  • “bogs” – เป็นคำแสลง แปลว่า ห้องส้วม

** คำใช้เรียกห้องน้ำบางทีก็มีเยอะเกินไปนะ ว่ามั๊ย? _ _”) 555 ถ้าไปได้ยินหรือเห็นป้ายบอกคำเหล่านี้ที่ไหนก็จะได้เข้าใจได้ตรงกันว่า แปลว่า “ห้องน้ำ” ไงล่ะคะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

English 360 องศา : “ด้วยความยินดี” [It’s my pleasure]

It's my pleasure

******* It’s my pleasure ****************

สำนวน it’s my pleasure มักจะใช้เพื่อบอกว่าเรามีความยินดีหรือเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำอะไรให้ ตัวอย่างเช่น
เราบังเอิญไปช่วยคุณยายคนหนึ่งยกทีวีขึ้นบันไดมา คุณยายก็กล่าวขอบคุณเราว่า

  • Thanks for bringing my new TV up here.
    ขอบคุณนะจ๊ะที่ช่วยยกทีวีขึ้นมาให้น่ะ

เราก็ตอบกลับไปว่า

  • With my pleasure หรือ It’s my pleasure.” ก็ได้ ซึ่งแปลว่า “ด้วยความยินดีครับ”

หรือ เมื่อชายหนุ่มเดินมาส่งแฟนสาวที่บ้าน แล้วแฟนสาวกล่าวขอบคุณว่า

  • Thanks for walking me home.
    ขอบคุณที่เดินมาส่งที่บ้านนะคะ

ชายหนุ่มก็รีบตอบรับทันทีว่า

  • It’s my pleasure.
    ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งครับ

** การตอบรับเช่นนี้ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่ง ลองนำไปใช้ดูกันนะคะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

สำนวน “in charge (of)” แปลว่าอะไร?

in charge of

********สำนวน “in charge (of)” แปลว่าอะไร?********

 

คำว่า “charge” เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยา แปลได้หลายความหมาย ที่เราคุ้นๆกันก็อาจจะแปลว่า การคิดราคาสินค้า, ค่าธรรมเนียม, การเข้าจู่โจมผู้ร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแปลว่าการอัดประจุไฟฟ้าก็ยังได้ แต่ในสำนวนนี้จะแปลว่า “การดูแล/ความรับผิดชอบ ตัวอย่างเช่น

  • Who is in charge here?
    ใครดูแลรับผิดชอบที่นี่อยู่

เราอาจเติม of ตามหลังเข้าไปด้วยก็ได้ ซึ่งมันก็จะให้ความหมายคล้ายๆกันนั่นแหละ แปลว่า “ในความดูแล/รับผิดชอบ”
เช่น

  • you are in charge of preparing food.
    คุณมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการเตรียมอาหาร
  • Don’t worry. He will be in charge of this project.
    อย่าห่วงเลย เขาจะเป็นคนดูแลโครงการนี้เอง

หรืออย่างประโยคในภาพ

  • No one is in charge of your happiness except you. ถ้าแปลตรงๆตัวก็หมายถึง ไม่มีใครรับผิดชอบความสุขของคุณ นอกจากตัวคุณเอง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “ไม่มีใครทำให้คุณมีความสุขได้หรอกนอกจากตัวของคุณเอง” ยังไงล่ะคะ

******************************
หมั่นเติมความสุขให้ตัวเองอยู่ตลอดนะคะ เพราะคงไม่มีใครทำให้เรามีความสุขได้นอกจากตัวเราเอง จริงมั๊ยคะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

English 360 องศา : เรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้

Story เรื่องราว

มีเรื่องเล่ามาฝากค่ะ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ลองอ่านดูนะคะ ^^

This happened on TAM airlines.
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สายการบิน TAM airlines…

A 50-something year old white woman arrived at her seat and saw that the passenger next to her was a black man. Visibly furious, she called the air hostess.
หญิงสูงอายุผิวขาวคนหนึ่งอายุน่าจะประมาณ 50 ปีได้เดินมาถึงที่นั่งของเธอและเห็นว่าผู้โดยสารที่นั่งติดกับเธอเป็นชายผิว ดำ ด้วยความโกรธเธอจึงเรียกแอร์โฮสเตสมา

“What’s the problem, ma?” the hostess asked her
พนักงานถามเธอว่า “มีปัญหาอะไรหรือคะ คุณผู้หญิง?”

“Can’t you see?” the lady said – “I was given a seat next to a black man. I can’t seat here next to him. You have to change my seat.”
หญิงคนนั้นบอกว่า “คุณไม่เห็นหรือไง ฉันได้ที่นั่งติดกับคนผิวดำ ฉันคงไม่สามารถนั่งติดกับเขาตรงนี้ได้หรอกนะ คุณต้องเปลี่ยนที่นั่งให้ฉัน”

– “Please, calm down, ma” – said the hostess
“Unfortunately, all the seats are occupied, but I’m still going to check if we have any.”
“กรุณาใจเย็นก่อนค่ะ คุณ” แอร์โฮสเตสกล่าว
“น่าเสียดายที่ที่นั่งของเราเต็มหมดแล้ว แต่ดิฉันจะไปตรวจสอบให้นะคะว่าเราพอจะมีที่ว่างบ้างไหม” Continue reading