Category Archives: เรียนภาษาอังกฤษกับ English 360 องศา

บวก ลบ คูณ หาร เป็นภาษาอังกฤษ…

plus,minus,multiply,divide (Math symbol)

plus,minus,multiply,divide (Math symbol)

# บวก ลบ คูณ หาร เป็นภาษาอังกฤษ…

ใกล้เข้าสู่ AEC เต็มทีแล้ว เราคงต้องเรียนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการแล้วล่ะค่ะ คือเอาภาษาอังกฤษไปใช้กับทุกสาขาวิชา พอดีมีคำถาม ถามมาเกี่ยวกับเรื่องเครื่องหมาย บวก ลบ คูณ หาร ในภาษาอังกฤษ เลยจะอธิบายให้ฟังแบบพื้นฐานก่อนค่ะ

– บวก (+)
เราใช้คำว่า plus ค่ะ เช่น

5 + 2 = 7 อ่านว่า Five plus two equals seven.

– ลบ (-)
ใช้คำว่า minus ค่ะ เช่น

12 – 4 = 8 อ่านว่า Twelve minus four equals eight.

– คูณ (x)
เราใช้คำว่า times หรือ multiplied by ค่ะ เช่น

9 x 5 = 45 อ่านว่า Nine times five equals forty-five. หรือ Nine multiplied by five equals forty-five.

– หาร (/)
เราใช้คำว่า divided by ค่ะ เช่น

8 / 2 = 4 อ่านว่า Eight divided by two equals four.

– เครื่องหมาย = ใช้ได้สองแบบค่ะ คือ equals / is equal to
เช่น

9 + 5 = 14
Nine plus five is equal to fourteen.
Nine times nine equals eighty-one.

– เครื่องหมาย มากกว่า > ใช้คำว่า greater than ค่ะ เช่น

5 > 2 อ่านว่า Five is greater than two.

– เครื่องหมาย น้อยกว่า < ใช้คำว่า less than ค่ะ เช่น

7 < 9 อ่านว่า Seven is less than nine.

** อันนี้เป็นแค่คณิตเบื้องต้นค่ะ คราวหน้าใครอยากได้เลขยกกำลัง สะกิดมา เดี๋ยวจะเอามาฝากค่ะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

It depends. ดูก่อน

It depends. ดูก่อน

สำนวน “it depends.” “ก็แล้วแต่, ดูก่อน”

สำนวนนี้เป็นภาษาพูด แปลเป็นภาษาพูดแบบไทยๆว่า “ก็แล้วแต่, ดูก่อน” ใช้พูดในกรณีที่เรายังให้คำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ หรือเพราะอาจจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ
เช่น

A: Will you go out tonight?
แกจะไปข้างนอกมั๊ย คืนนี้
B: It depends.
ดูก่อน

A: How about having dinner at Smith’s restuarant?
ไปกินข้าวเย็นที่ร้านสมิธกันมั๊ย
B: It depends. I haven’t finished my work yet.
ดูก่อนนะ งานยังไม่เสร็จเลย

** อาจจะใช้ that depends ก็ได้ค่ะ
** จะใส่ on ต่อท้าย it depends ก็ได้ เพื่อบอกว่า แล้วแต่อะไร?? ขึ้นอยู่กับอะไร??

A: Are you single?
นี่ๆเธอๆ โสดหรือป่าวอ่ะ?
B: It depends on who asks.
ก็แล้วแต่ว่าใครถาม

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

มี home…ต้องไม่มี to

มี home ต้องไม่มี to

# มี home…ต้องไม่มี to

ถ้าจะบอกว่ากลับบ้าน ปกติเราจะใช้ว่า go home ใช่มั๊ยคะ
บางคนก็ใช้ตามที่คนอื่นใช้กัน แต่บางคน ก็มีโปรเสริม เติม to เข้าไปด้วย คือ go to home
เพราะเห็นว่าเวลาไปที่อื่น ยังใช้ go to…. เลย

แต่!! สำหรับ home นี่ขีดเส้นใต้สองเส้นเลยค่ะว่า  “มี home ต้องไม่มี to”
เหตุผลคือ home ในคำว่า go home เป็น adv. ค่ะ แปลว่า มุ่งไปที่บ้าน ไม่ใช่คำนาม อย่างที่หลายคนเข้าใจ

ลองเทียบสองประโยคนี้นะคะ
He goes home.
He walks slowly.
สองประโยคนี้มีโครงสร้างเหมือนกันคือ
S + V + Adv.
ดังนั้น go home จึงไม่ต้องใส่ to

home ที่ใช้กับคำอื่นก็เช่นเดียวกันค่ะ เช่น

I usually walk home.
ปกติฉันจะเดินกลับบ้าน

He usually drives home.
ปกติเขาจะขับรถกลับบ้าน

I’ll drive you home.
ฉันจะขับรถไปส่งเธอที่บ้าน

He walk me home every day.
เขาเดินไปส่งฉันที่บ้านทุกวัน

** Go hard or go home
ประโยคนี้แปลว่า
“สู้ให้เต็มร้อย ไม่งั้นก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านไปซะ!”

ถ้าฝันอยากทำอะไร ก็ต้องลองสู้ดูซักตั้ง ไม่งั้นมันก็ไม่คุ้มค่าที่จะทำหรอก จิงมั๊ย? ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

I was bored. ฉันรู้สึกเบื่อ

I was bored. ฉันรู้สึกเบื่อ

What a terrible film.
It was __?__.

I was bored. ฉันรู้สึกเบื่อ
I was bored. ฉันรู้สึกเบื่อ

ตอบข้อ A

เหตุผลที่ตอบข้อ A คือ ในภาษาอังกฤษจะมี adj กลุ่มนึงที่มีทั้งเติม ed และ ing แต่วิธีใช้ต่างกัน
ถ้าต้องการบอกว่า สิ่งนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร ให้เลือกใช้แบบที่เติม ing
แต่ถ้าต้องการบอกว่าประธานรู้สึกอย่างไร ให้เลือกใช้แบบที่เติม ed ค่ะ
ในข้อนี้ ต้องการบอกว่า หนังมันน่าเบื่อ ดังนั้นต้องตอบข้อ A ค่ะ
แต่ถ้าต้องการบอกว่า ฉันรู้สึกเบื่อให้บอกว่า I was bored. นะคะ ^^

 How do you beat boredom at home. คุณมีวิะีแก้เบื่อที่บ้านอย่างไรบ้าง?  (boredom n. ความเบื่อหน่าย)

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

How about กับ What about เหมือนกันมั๊ย? ก็มัน about เหมือนกันอ่ะ!!

How about กับ What about

How about กับ What about เหมือนกันมั๊ย?

สองคำนี้ถ้าใช้ในการชักชวน หรือเสนอแนะ ถามความเห็น หรือใช้ในความหมายว่า “แล้วคุณล่ะ?” ใช้แทนกันได้ค่ะ ไม่ซีเรียส เช่น

A: How’re you doing today?
ไงบ้าง วันนี้
B: Not too bad. How about you? (What about you? ก็ได้ค่ะ)
ก็ดี แล้วเธอล่ะ

How about watching Spiderman 2 tonight?
คืนนี้ไปดูสไปเดอร์แมน 2 กันมั๊ย

What about having dinner with me?
ไปกินข้าวเย็นกับผมมั๊ย

I don’t like drinking coffee. How about you?
ชั้นไม่ชอบดื่มกาแฟ แล้วคุณล่ะ ชอบมั๊ย

** ปกติจะไม่ค่อยใช้คำถามนี้ขึ้นต้นบทสนทนา ต้องพูดเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาก่อนแล้วค่อยใช้คำถามนี้ถาม

**อีกอย่างหนึ่งที่เรามักจะใช้ผิดกันคือ เรามักจะไม่ใช้ How about ในการถามว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นอย่างไร (เพราะเรามักจะคิดว่า อย่างไร ต้องใช้ how ไงล่ะ) แต่จะใช้ what about มากกว่าค่ะ เช่น

What about your new school?
โรงเรียนใหม่เป็นไงบ้าง

What about your job?
งานเป็นไงบ้าง

What about your interview?
สัมภาษณ์งานเป็นไงบ้าง

** แต่ถ้าจะใช้ How ถามก็ได้ค่ะ แต่เป็นโครงสร้างนี้
How + v. to be + something?

How was your interview?
How is your job?

***ข้อความจากภาพค่ะ
How about we stop pretending and start telling each other what we really feel.

คิดว่าไงถ้าเราจะเลิกเสแสร้งแล้วบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเราออกมากันซะที ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

ตลาดนัด ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร??

ตลาดนัด ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร??

# ตลาดนัด ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร??

flea market
flea market


วันก่อนไปเดินตลาดนัดกับเพื่อน เพื่อนถามว่า “ตลาดนัด” ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร meeting market หรือป่าว?? 55555+ (มุขคุณเพื่อนค่ะ) บอกเพื่อนตรงๆว่าไม่รู้

แต่มันคาใจ เลยไปปรึกษา อากู๋ (google ^^) ค่ะ ได้คำตอบ มาว่า ฝรั่งเค้าก็มีตลาดนัดเดินเหมือนกันนะ เรียกว่า “flea market” มีทั้งของมือสอง มือหนึ่ง ของกิน เสื้อผ้า เหมือนตลาดบ้านเรานี่แหละค่ะ เป็นตลาดที่เปิดขายไม่ทุกวันค่ะ อาจจะ อาทิตย์ละ ครั้งหรือสองครั้ง

คำว่า flea ถ้าเปิดพจนานุกรมจะแปลว่า เห็บ หรือ หมัด แล้วทำไมมาเกี่ยวกับตลาดนัดได้อันนี้ที่มาไม่แน่นอนค่ะ บางคนก็บอกว่า ตลาดนัดพวกนี้ของมือสองเยอะ พรมหรือผ้า ก็อาจจะมีเห็บหมัดติดมา หรือบางคนก็บอกว่า เป็นตลาดที่อยู่ไม่เป็นที่ ย้ายไปตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง เหมือนเห็บหมัด แต่จะอย่างไรก็ช่าง!! เอาเป็นว่า เขาเรียกตลาดแบบนี้ว่า flea market ค่ะ ^^
บ้านเราผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเชียว ยิ่งย่านชุมชน คนทำงาน นักศึกษา มันยั่วเงินในกระเป๋าวัยเราจริงๆ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

การใช้ then

การใช้ then

# การใช้ then

"IF YOU CAN'T BE POSITIVE, THEN AT LEAST BE QUIET."

หลายคนพอเจอคำว่า then ก็ไม่รู้จะแปลยังไงดีให้มันได้อรรถรส
บางคนก็ช่างมัน ฉันไม่แปล เพราะยังพอจะเดาๆความหมายประโยคได้ แต่มันไม่ได้ฟีลลิ่งของบทสนทนาหรือข้อความนั้นๆสิคะคุณ มาดูกันค่ะว่า then แปลว่าอะไรได้บ้าง

** then แปลว่า “แล้ว, งั้น” เช่น

The show has cancelled. Then, what should we do?
การแสดงก็ถูกยกเลิกไปละ งั้นเอาไงดี

A: I don’t to go out today.
วันนี้ไม่อยากไปข้างนอกอ่ะ
B: What do you want to do then?
งั้นจะทำอะไรล่ะ
———————
** then แปลว่า ในตอนนั้น หรือ เวลานั้น เช่น

See you then.
ไว้เจอกัน (ตอนนั้น)
( มักใช้เป็นคำบอกลา ซึ่งอาจจะมีการนัดหมายว่าจะเจอกันอีกตอนไหน เวลาไหน)

If you get his address, call me then.
ถ้าได้ที่อยู่เขามาแล้ว ก็บอกฉันด้วย(ตอนที่ได้ที่อยู่มาแล้ว)
————————
** then ใช้บอกลำดับเหตุการณ์ก็ได้ เช่น

Yesterday I went to the bank. Then, I picked up my friend at the train station.
เมื่อวานฉันไปธนาคาร ต่อจากนั้นก็ไปรับเพื่อนที่สถานีรถไฟ

***
If you can’t be positive, then at least be quiet.
ถ้าคิดบวกไม่ได้ งั้นอย่างน้อยๆก็สงบปากไว้ซะ

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

Don’t go there!

Don't go there!

# Don’t go there!

Don’t go there ถ้าแปลปกติก็คือ “อย่าไปที่นั่น”
แต่!! ถ้าเจอในบทสนทนานี้ล่ะ

A: Why did you break up?
ทำไมพวกนายถึงเลิกกัน
B: Don’t go there. It was all my fault.
…………………. ชั้นผิดเองแหละ

ถ้าคุณแปล Don’t go there ในประโยคนี้ว่า อย่าไปที่นั่น คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เพราะมันเป็นสำนวน แปลว่า “อย่าไปพูดถึงมันเลย, อย่าพูดเรื่องนี้เลย, อย่าพูดแบบนั้นเชียว” ประมาณนี้ค่ะ

A: I’m gonna beat you again.
ชั้นจะชนะแกอีกแล้ว
B: Don’t even go there. You’re cheating me!
กล้าพูดเน๊อะ แกโกงชั้นอยู่เนี่ย

My interview today? I don’t wanna go there.
สัมภาษณ์วันนี้น่ะเหรอ ชั้นไม่อยากจะพูดถึงเลย

Don’t even go there. I’m freaking sick of it!
อย่าพูดถึงมันเลย โคตรจะเซ็งเลย!

** แค่คำธรรมดายังกลายเป็นสำนวนได้เลย ปัญหาคือ แล้วจะรู้ได้ไง?? เราก็ต้องดูบริบทแวดล้อมค่ะ ถ้าแปลตรงๆแล้ว ความหมายมันไม่ make sense ก็ไปลองหาดูค่ะว่ามีความหมายแบบสำนวนหรือเปล่า ^^

 

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

scarce ขาดแคลน

scarce “ขาดแคลน”

เดี๋ยวนี้ไปไหนก็มักจะเจอป้ายที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่บางครั้งนะคะคุ้ณณณ!! มันก็เป็นอังกฤษแบบไทยๆสิคะ จากในภาพมี 2 ป้ายค่ะ

scarce
scarce

ป้ายแรก บอกว่า  “Water is scare. Pls us save it.”
ฝรั่งเข้าห้องน้ำ เห็นเข้าคงตกใจ อเมซิ่ง!! ไทยแลนด์แดนสยามเลยล่ะคะ ก็น้ำน่ากลัวมีที่ไหน
scare คำนี้แปลว่า “กลัว,ตกใจ” ค่ะ
คำว่า “ขาดแคลน” ใช้คำว่า scarce

แล้วประโยคนี้  Pls us save it.
ก็ควรเขียนใหม่เป็น  Please save it.
ตัด us ออกซะ นอกจากจะรกแล้ว ยังผิดด้วยนะคะ เพราะ us เป็นสรรพนามที่เป็นกรรม จะมาใช้เป็นประธานไม่ได้ค่ะ
—————–
ป้ายที่สอง
No give food monkey
ห้ามให้อาหารลิง

แปลตรงตัวซะ โป๊ะเช๊ะ เป๊ะเวอร์เลย แต่ มันถูกซะที่ไหนล่ะ!!!
ที่ถูกควรจะเขียนว่า
Do not feed monkey

คำว่า feed แปลว่า ให้อาหารค่ะ
ถ้าไปตามสวนสัตว์ก็อาจจะเจอคำนี้บ่อย

*** แต่ป้ายภาษาอังกฤษที่เขียนผิดๆแบบนี้ก็ไม่ได้มีแค่ Thailand only นะคะ ประเทศอื่นๆที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ก็มีเหมือนกันค่ะ ทางที่ดีป้ายสาธารณะแบบนี้ ตรวจสอบก่อนก็จะดีค่ะ ^^

Do not feed monkey
Do not feed monkey

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

สำนวน take (something) seriously

สำนวน take (something) seriously

# สำนวน take (something) seriously

สำนวน take (something/somebody) seriously แปลว่า “จริงจัง, ตั้งใจ ให้ความสำคัญกับอะไรบางอย่างหรือใครบางคน”
เช่น

Just let it go. Don’t take everything he says so seriously.
ช่างเถอะ อย่าไปจริงจังกับทุกอย่างที่เขาพูดเลย

Don’t waste time. Take your study seriously.
อย่ามัวแต่เสียเวลา ตั้งใจเรียนหน่อยสิ

Take it seriously. It’s the biggest show we’ve ever had.
จริงจังกันหน่อย นี่เป็นโชว์ใหญ่ที่สุดที่เคยมีของเราเลยนะ

I think she doesn’t take you seriously.
ข้าว่านะ เจ้าหล่อนไม่จริงจังกับเอ็งหรอก

** ข้อความจากภาพค่ะ
“Do not take life so seriously. It’s not like you’re going to get out alive.”
“อย่าจริงจังกับชีวิตมากนัก เพราะยังไงคุณก็ไม่อาจก้าวพ้นมันไปโดยที่ยังมีชีวิตอยู่”

*** ที่บอกว่าไม่ให้จริงจัง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม แต่หมายถึงต้องรู้ว่าอะไรที่ควรจริงจัง และอะไรที่ควรปล่อยวางค่ะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา