Category Archives: เรียนภาษาอังกฤษกับ English 360 องศา

Let กับ Allow แตกต่างกันอย่างไร

Let กับ Allow แตกต่างกันอย่างไร

Let กับ Allow แตกต่างกันอย่างไร

คำว่า let กับ allow ใช้เพื่อแสดงการอนุญาตเหมือนกัน แต่โครงสร้างประโยคที่ใช้ let กับ allow แตกต่างกันเล็กน้อยค่ะ

 Let มีโครงสร้างประโยคดังนี้ :  let + กรรม (someone) + do something (verb)  เช่น

  • My Dad don’t let me go out at night.
    พ่อของฉันไม่ให้ฉันออกไปเที่ยวกลางคืน
  • Please let me make my own decision.
    ได้โปรดให้ฉันตัดสินใจเองเถอะ
  • If you finish your work, I will let you go home.
    ถ้าคุณทำงานเสร็จ ฉันจะให้คุณกลับบ้านได้
  • Let me love you even though you don’t love me.
    ให้ผมรักคุณเถอะ ถึงแม้คุณจะไม่รักผม

Allow มีโครงสร้างประโยคดังนี้ :  allow + กรรม (someone) + to do something (verb) เช่น

  • Most companies don’t allow employees to smoke in workplace.
    บริษัทส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้พนักงานสูบบุหรี่ในที่ทำงาน
  • Some parents allow their children to do what they like.
    พ่อแม่บางคนอนุญาตให้ลูกๆทำในสิ่งที่พวกเขาชอบ

** allow สามารถใช้ในรูปของ passive voice ได้ เพื่อบอกว่า ใครได้รับอนุญาตให้ทำอะไร เช่น

  • You are not allowed to smoke here.
    คุณไม่ได้รับอนุญาตให้สูบบุหรี่ที่นี่
  • We are allowed to use this room.
    พวกเราได้รับอนุญาตให้ใช้ห้องนี้

** ข้อสังเกต :

allow ใช้กับ to แต่ ประโยคที่ใช้ let ไม่มี to นะคะ

let ไม่สามารถทำเป็นรูป passive voice ได้ ค่ะ

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

“คำนี้แปลว่าอะไร” กับ “ช่วยพูดใหม่อีกครั้ง”แบบสุภาพต้องพูดอย่างไร

รบกวนพูดใหม่อีกครั้ง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

รบกวนพูดใหม่อีกครั้ง ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

ถ้าเกิดเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องไปสนทนากับฝรั่ง แล้วเกิดไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด อยากให้เขาพูดใหม่อีกครั้งหนึ่ง เราจะพูดเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไงได้บ้าง?

  • Again, please?
  • Could you say that again , please?
  • Could you repeat that, please?
  • I didn’t get you, please speak more slowly.
  • Could you speak slower, please?
  • Slow down, please.
  • Could you slow down, please?
  • Could you speak slowly, please?
  • Pardon me, please say it again slowly.
  • I’m sorry. I can’t keep up with you. (keep up with you ตามไม่ทัน)
  • I’m sorry. I didn’t catch that. (I didn’t catch that. ฉันจับใจความไม่ได้)
  • Pardon me.
  • Sir, I beg your pardon.
  • I didn’t understand you.  Could you repeat that?
  • I’m sorry, what was that? / Excuse me, what was that?
  • Excuse me. What did you say? (me ขึ้นเสียงสูง)
  • What do you mean by that?
  • What do you wanna say?
  • I request you to repeat.
  • Sorry, I didn’t hear clearly.
  • Sorry, I can’t hear you.
  • Could you speak up a little, please? รบกวนพูดให้ดังขึ้นอีกนิด
  • Could you speak louder, please?

What? / Huh? / Say again? / what was that?
หมายถึง อะไรนะ?
สั้นๆแบบนี้ ฟังดูห้วนๆ เอาไว้ใช้กับเพื่อน หรือคนที่สนิทเท่านั้น

# แต่ถ้าต้องการถามว่า “คำนี้แปลว่าอะไร” เราสามารถพูดได้ดังนี้

  • What does this word mean?
  • What is the meaning of this word?
  • Would you mind telling me the meaning of this word?

** ลองเอาไปใช้ดูค่ะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

การเขียนประโยคอุทาน ในภาษาอังกฤษ [Exclamatory Sentence]

การเขียนประโยคอุทาน ในภาษาอังกฤษ

การเขียนประโยคอุทาน ในภาษาอังกฤษ

ประโยคอุทาน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Exclamatory Sentence นั้น เป็นประโยคที่แสดงอารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูด มักจะมีเครื่องหมาย ! (อัศเจรีย์) ต่อท้าย เช่น

  • How pretty you are!   เธอช่างน่ารักอะไรเช่นนี้

เรามักจะใช้ what กับ how มาขึ้นต้นประโยคนะคะ  ลองมาดูโครงสร้างประโยคกันค่ะ

แบบที่ 1 : ใช้ what นำหน้า

ในรูปแบบ  What + a/an + adjective+นามเอกพจน์ +subject + verb เช่น

  • What a beautiful girl she is !   เธอช่างเป็นผู้หญิงที่สวยอะไรอย่างนี้ !
  • What a cool Vespa he has! เขามีรถเวสป้าที่เจ๋งอะไรอย่างนี้ !

หรือ  What + adjective + นามพหูพจน์/นามนับไม่ได้ + subject + verb  เช่น

  • What good questions she asked !
    เธอถามคำถามที่ดีอะไรอย่างนี้ !

หรือ  What + a/an + นาม + (subject + verb) เช่น

  • What a pity !  น่าสงสารจัง
  • What a shame !  น่าอายจัง
  • What a surprise it is !  น่าประหลาดจัง

แบบที่ 2 : ใช้ How นำหน้า

ในรูปแบบ  How + adjective / adverb + subject + verb

เช่น

  • How nice he is !  เขาช่างดีอะไรเช่นนี้
  • How pretty you look !  เธอน่ารักอะไรอย่างนี้นะ
  • How sweetly she sings !  เธอร้องเพลงได้เพราะอะไรอย่างนี้นะ

** ข้อสังเกต ถ้าขึ้นต้นด้วย what จะมีคำนาม แต่ถ้าขึ้นต้นด้วย How จะไม่มีคำนาม

*** ลองเอาไปแต่งประโยคอุทานเจ๋งๆกันดูนะคะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

สำนวนน่ารู้ : cross your mind

cross your mind

# สำนวนน่ารู้ : cross your mind

cross your mind หมายถึง นึกถึง, คิด, แว่บเข้ามาในหัว
your สามารถแทนที่ได้ด้วย my, his, her หรือคำแสดงความเป็นเจ้าของอื่นๆก็ได้นะคะ

ถ้ามีอะไรมา “cross your mind” นั่นหมายความว่า คุณคิดถึงมัน นึกถึงมันหรืออยู่ๆมันก็แว่บเข้ามาในสมองยังไงล่ะคะ ^^
ลองดูตัวอย่างประโยคนะคะ

  • I never cross my mind that he will be fired.
    ฉันไม่เคยมีความคิดเลยว่าเขาจะถูกไล่ออก
  • I wonder if I ever cross your mind.
    ฉันสงสัยว่าคุณจะนึกถึงฉันบ้างไหม
  • The idea about living here never cross my mind.
    ความคิดที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ไม่เคยแว่บเข้ามาในหัวฉันเลย

*** ส่งท้ายกันด้วยประโยคนี้ค่ะ

  • I never cross my mind that I love you, but I do.
    ฉันไม่เคยมีความคิดเลยว่าจะรักคุณ แต่ฉันก็รักคุณ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

นิ้ว finger ในภาษาอังกฤษ

นิ้ว finger ในภาษาอังกฤษ

นิ้วแต่ละนิ้วของเรามีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษไม่เหมือนกันนะคะ ลองดูตามภาพเลยค่ะ ^^

  • Thumb : นิ้วหัวแม่มือ
  • Index finger : นิ้วชี้
  • Middle finger : นิ้วกลาง
  • Ring finger : นิ้วนาง
  • Little finger : นิ้วก้อย
  • Knuckle : ข้อนิ้ว
  • Wrist : ข้อมือ
  • Finger nail : เล็บมือ
  • Palm ฝ่ามือ
  • Fist กำปั้น
  • Fingernail เล็บมือ

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

เคยได้ยินประโยคนี้กันไหม? Text me back!!

เคยได้ยินประโยคนี้กันไหม Text me back!!

# เคยได้ยินประโยคนี้กันไหม? : Text me back!!

หลายคนคงต้องเคยได้ยินวลีนี้ในหนังกันบ้างแหละน่า
ปกติคำว่า text จะหมายถึง ตำรา, หนังสือ, หรือข้อความสั้นๆ แต่ฝรั่ง (โดยเฉพาะอเมริกา) เขาจะใช้เป็นคำแสลง หมายถึง “ส่งข้อความ” ค่ะ

ถ้าเขาบอกว่า Text me หรือ Text me back ก็หมายถึง “ให้คุณส่งข้อความกลับไปหาเขา” หรือ “ตอบกลับไปหาเขาด้วย” ประมาณนี้ค่ะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

phrasal verb น่ารู้ : put off

put off

# phrasal verb น่ารู้ : put off

put off หมายถึง เลื่อนออกไป, ผัดผ่อน, เลื่อน (วันหรือเวลา)  เช่น

  • The party has been put off until next Sunday.
    งานปาร์ตี้ถูกเลื่อนไปเป็นวันอาทิตย์หน้า
  • You should not put off going to the dentist’s.
    คุณไม่ควรจะเลื่อนวันไปหาหมอฟันนะ
  • Never put off till tomorrow what you can do today.
    อย่าผลัดวันประกันพรุ่งในสิ่งที่คุณทำวันนี้ได้

** So, don’t PUT OFF learning english!!
อย่าผลัดวันประกันพรุ่งในการเรียนภาษาอังกฤษนะจ๊ะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

เรียนภาษาอังกฤษยังไงให้พูดได้?

เรียนภาษาอังกฤษยังไงให้พูดได้?

เรียนภาษาอังกฤษยังไงให้พูดได้?

คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตของคนที่เรียนภาษาอังกฤษทุกคนอย่างแน่นอน แม้แต่แอดมินเองก็ถามตัวเองอยู่บ่อยๆว่า เรียนภาษาอังกฤษยังไงให้พูดได้ซะที!!! เลยนึกไปถึงคำพูดของอาจารย์ท่านหนึ่งขึ้นมา อาจารย์ท่านบอกว่า

  การเรียนภาษาอังกฤษก็คือ ‘การลอกเลียนแบบ’ คำพูด ประโยค สำนวน คำแสลง ของเจ้าของภาษามาพูด

ใช่แล้วค่ะ!! ที่เราดูหนังฝรั่ง ก็เพื่อจดจำ และลอกเลียนแบบประโยคและสำนวนในหนัง มาใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ที่เราได้พบเจอ เมื่อใช้บ่อยเข้ามันก็จะเกิดเป็นความเคยชินและจดจำได้เองไปโดยอัตโนมัติ

แต่คำนึงที่อาจารย์ท่านนั้นย้ำก็คือ “copy with understanding” เราลอกเลียนแบบได้ แต่เราต้องเข้าใจในประโยคหรือสำนวนนั้นๆก่อน แล้วค่อยเอามาใช้ และบางทีก็เอาไปปรับแต่งประโยคใหม่ตามแต่สถานการณ์ได้ อย่าสักแต่ว่าจำ
แล้วไม่รู้ว่าจะต้องงัดเอามาพูดตอนไหนเวลาต้องสื่อสารจริงๆ หรือใช้แบบผิดๆ อันนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์เช่นกันจ้า ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

Phrasal Verb น่ารู้ : bring about

bring about

# Phrasal Verb น่ารู้ : bring about

คำว่า “bring about” จะแปลว่า “ก่อให้เกิด, นำมาซึ่ง, เป็นสาเหตุของ” ลองดูตัวอย่างประโยคนะคะ

  • A nuclear war will bring about the destruction of mankind.
    สงครามนิวเคลียร์เป็นสาเหตุของการทำลายมนุษยชาติ
  • Democracy has brought about the great change in the people’s living.
    ประชาธิปไตยนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการดำเนินชีวิตของผู้คน
  • Pollution brings about a disastrous effect on the ecology.
    มลภาวะก่อให้เกิดผลร้ายแรงต่อระบบนิเวศน์

** จะสังเกตว่าหลังคำว่า bring about จะเป็นผลลัพธ์ของสิ่งที่เป็นประธานของประโยคนะคะ

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

ความหมายของ kinda

ความหมายของ kinda

kinda คำนี้แปลว่าอะไร?

คำว่า kinda เป็นภาษาพูด มาจากคำว่า kind of  ซึ่งแปลได้ว่า “ประเภท, ประมาณว่า, ค่อนข้างจะ, แบบว่า, คล้ายๆ”
ลองดูตัวอย่างประโยคนะคะ

  • That guy’s kinda crazy.
    ผู้ชายคนนั้นดูบ้าๆนะ
  • I kinda like him.
    ฉันก็แบบว่าชอบๆเขานะ
  • What kinda man are you?
    คุณเป็นผู้ชายประเภทไหนกัน
  • He’s kinda sad.
    เขาดูแบบว่าเศร้าๆเนอะ

** เราสามารถใช้ a little แทน kinda ได้ ในความหมาย นิดหน่อย หรือ ค่อนข้าง

ใช้ในรูป What kind of……  ในความหมายว่า แบบไหน ชนิดไหน หรือ แนวไหน เช่น

  • What kind of food do you like?

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา