การใช้บุพบท in, on, at บอกเวลา
คำบุพบทหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า preposition คือ คำที่ใช้บอกตำแหน่ง บอกสถานที่ บอกทิศทาง แสดงการเคลื่อนไหว หรือบอกความสัมพันธ์ระหว่างคำนามหรือสรรพนามกับคำอื่นๆ ในประโยค คำบุพบทในภาษาอังกฤษ มีเยอะแยะมากมายให้เลือกใช้จนลายตาเลยค่ะ แต่คำที่เรามักนิยมใช้กันผิดบ่อยๆคือ in, on, at ที่ใช้ในการแสดงเวลา เหตุผลหลักๆเลยก็คือ เราแปลจากไทยเป็นอังกฤษแบบตรงตัวนั่นเองค่ะ มาดูวิธีการใช้กันค่ะ
in, on, at กับการบอกเวลา
1. In – ใช้กับ ปี เดือน ทศวรรษ ศตวรรษ ฤดูกาล เช่น
- I started working at AOT in 2002.
- My sister was born in March.
- It isn’t much cold here in the winter.
นอกจากนี้ยังใช้ in ในการบอกช่วงเวลา เช่น in the morning, in the afternoon, in the evening
2. On – ใช้กับ วันในสัปดาห์ วันที่ หรือวันเฉพาะในเทศกาลต่างๆ เช่น
- We usually have an English class on Monday.
- My birthday is on July 14.
- There’s a party at the Simpsons’ house on Christmas Day.
นอกจากนี้คนอเมริกันเขาใช้ on กับวันหยุดหรือ วันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยค่ะ คือ on weekend, on holiday
ที่จะใช้ผิดกันบ่อยคือ การใช้ on กับวันในสัปดาห์ เพราะเมื่อเราแปลเป็นไทย คือ ในวันจันทร์ ในวันอังคาร บางคนก็อาจจะเลือกใช้ in Monday in Tuesday ซึ่งผิดค่ะ เพราะคิดว่าถ้าคำว่า “ใน” ก็คือ in และถ้าหากเราใช้วันในสัปดาห์โดยบอกช่วงเวลาไว้ด้านหลังก็ยังใช้ on เช่นเดิมค่ะ เช่น on Sunday morning, on Friday night
- It’s not easy to get up early on Sunday morning.
และในการใช้ on บอกวันที่ ถึงแม้จะเอาเดือนขึ้นก่อน แต่ถ้ามีวันที่ตามหลังก็ต้องใช้ on เช่นกันค่ะ
3. At – ใช้บอกเวลาตามนาฬิกา เช่น
- Simon always gets up at 5. 30 a.m.
- The appointment is at 1 p.m.
นอกจากนี้ยังใช้กับสำนวน at noon, at night, at midday, at midnight, at lunchtime, at sunrise, at sunset, at present, at the moment, at the same time เช่น
- I’ll see you at lunchtime.
- I don’t eat anything at night.
** ข้อควรระวังในการใช้คำบุพบทบอกเวลาคือ คำแสดงเวลาบางคำไม่ต้องการบุพบท เช่น today, tomorrow, yesterday และคำบอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วย last, next, every, this เป็นต้น เช่น
- I went to Samui yesterday.
- I met Susan this morning.
- Sarah will go to Malaysia next week.
- Patrick has a piano class every Saturday.
ภาษาอังกฤษมีกฎเยอะแยะไปหมด ข้อยกเว้นก็มีมาก แต่ถ้าใช้บ่อยรับรองว่าใช้ได้คล่องแน่ๆค่ะ ^^