Negative sentence (ประโยคปฏิเสธ)
รูปแบบประโยคอีกแบบหนึ่งในภาษาอังกฤษคือ ประโยคปฏิเสธ หลักการในการทำประโยคบอกเล่าเป็นปฏิเสธไม่ซับซ้อนเท่าประโยคคำถาม ทางลัดคือแค่หากริยาแท้และกริยาช่วยในประโยคให้ได้
1. สำหรับ simple tense ไม่ว่าจะเป็น present หรือ past tense ให้ใช้ verb to do เข้ามาช่วย เพราะประโยคบอกเล่าของมันไม่มีกริยาช่วย แค่นำกริยาช่วย verb to do มาเติม not แล้ววางๆไว้หน้ากริยาแท้ในประโยคก็เป็นอันเรียบร้อย สามารถเขียนรูปย่อได้ดังนี้
do not = don’t
does not = doesn’t
did not = didn’t
เช่น
- You don’t have to go there.
- They did not tell us about this.
- She doesn’t like living in downtown.
2. ใน Tense อื่นๆ นั้นจะมีกริยาช่วยในประโยคบอกเล่าอยู่แล้ว ไม่ต้องไปตามหาให้วุ่นวาย ก็จับ not ใส่ข้างหลังกริยาช่วยเหล่านั้นได้เลยเป็นอันเรียบร้อยค่ะ รูปย่อของกริยาช่วยแต่ละตัวมีดังนี้
is not = isn’t has not = hasn’t
am not = ‘m not have not = haven’t
are not = aren’t had not = hadn’t
was not = wasn’t
were not = weren’t
เช่น
- They weren’t sleeping when the thief came in.
- I have not opened my computer for months.
*** ในกรณีที่ verb to be ไม่ว่าจะเป็นกริยาช่วยหรือกริยาแท้ (แปลว่า เป็น, อยู่, คือ) ก็เติม not เข้าไปได้เลย เช่น
- He isn’t here.
เขาไม่ได้อยู่ที่นี่
แต่ถ้า verb to have หรือ verb to do เป็นกริยาแท้จะเติม not เข้าไปเลยไม่ได้ ต้องเอา verb ช่วย ตาม tense นั้นมาเติมอีกทีหนึ่ง เช่น
- I don’t have much work.
- She has done it alone.
** ประโยคอื่นๆ ที่มี modal verb (can, could, will, would, may, might, shall, should) เวลาอยากจะทำเป็นปฏิเสธก็เติม not เข้าไปหลัง modal verb ได้เลยเช่นกัน เช่น
- I can’t believe it happened.
- You shouldn’t spend much money on useless things.
ประโยคบางประโยค ถึงแม้ไม่มีคำว่า not แต่มีจะมี adverb ที่มีความหมายเป็นปฏิเสธก็จะถือเป็นประโยคปฏิเสธเช่นกัน เช่น
- He never comes early.
- She hardly speaks rudely.
ตำแหน่งในการวางกริยาวิเศษณ์เหล่านี้ก็มักจะวางไว้หน้า verb แท้ในประโยค