Category Archives: ความแตกต่างระหว่าง

have กับ have got ใช้ต่างกันอย่างไร

have กับ have got ใช้ต่างกันอย่างไร

have กับ have got ใช้ต่างกันอย่างไร

เวลาที่เราได้ฟังฝรั่งพูดว่ามีอะไร บางครั้งเราก็จะได้ยินว่า I have มั่งแหละ และบางครั้งเราก็ได้ยินเขาพูดว่า I have got บ้างแหละ ตกลงว่ามันเหมือนหรือมันต่างกันยังไงนะ เจ้า have กับ have got เนี่ย

มาพูดถึง have ก่อนค่ะ ความหมายง่ายๆเบสิคๆของมันเลยก็คือ แปลว่า มี   และเจ้า have got ก็แปลว่า มี ได้เหมือนกัน แต่ have got จะเป็น British English ซึ่งมักจะได้ยินในภาษาพูดมากกว่าเห็นในภาษาเขียน เช่น

  • We have enough hamburgers for everyone tonight.

ก็จะมีความหมายเหมือนกับ

  • We have got enough hamburgers for everyone tonight.
    พวกเรามีแฮมเบอร์เกอร์เพียงพอสำหรับทุกคนในคืนนี้

และแน่นอนว่า!! ถ้าหากประธานเป็นเอกพจน์ก็จะเป็น has หรือ has got เช่น

  • She has a lot of homework this semester.
  • She has got a lot of homework this semester.
    เธอมีการบ้านเยอะมากในเทอมนี้

** แต่ข้อสังเกตคือ have got จะใช้แทน have ในความหมายว่า “มี” ได้เท่านั้น   เพราะ have แปลเป็นอย่างอื่นได้อีกนอกจากคำว่า มี คือแปลว่า กิน หรือมีความหมายคล้ายๆ take ก็ได้ เช่น

  • I usually have breakfast with my sister before going to school.
    ฉันมักจะกินอาหารเช้ากับน้องสาวก่อนไปโรงเรียน
  • I washaving a shower (take a shower) when he called me.
    ฉันกำลังอาบน้ำอยู่ตอนที่เขาโทรหา

ในความหมายเหล่านี้จะใช้ have got หรือ has got แทนไม่ได้ และข้อควรจำอีกอย่างก็คือ have กับ have got ในความหมายว่า มี ไม่สามารถทำเป็น present continuous tense ได้ แต่ have ในความหมายอื่นทำได้

และข้อแตกต่างระหว่าง have กับ have got ก็คือ เวลาทำเป็นรูปประโยคปฏิเสธและคำถาม

have got เมื่อทำเป็นรูปปฏิเสธสามารถใส่ not หลัง have ได้เลย เป็น have not got หรือ haven’t got และเมื่อทำเป็นรูปประโยคคำถามสามารถเอา have มาขึ้นต้นประโยคได้เลย เช่น

  • I have got a car.   (ประโยคบอกเล่า)
  • I haven’t got a car. (ประโยคปฏิเสธ)
  • Have you got a car?          (ประโยคคำถาม)

1448902887251

** ขอบคุณรูปภาพจาก facebook: learn English 1

รูปการใช้ have got สามารถเทียบได้จากตารางด้านบนเลยค่ะ แต่ถ้าเป็น have ในกรณีที่เป็นกริยาแท้ จะไม่สามารถใส่ not หลัง have ได้เลย แต่ถ้าในกรณีที่เป็นกริยาช่วยhave ถึงจะใส่ not ได้   แล้วเวลาทำเป็นประโยคปฏิเสธของ have ทำอย่างไร? วิธีการก็คือให้เราใช้ verb to do เข้ามาช่วย เช่น

I have a car.                                         She has a car.
I don’t have a car.                                 She doesn’t have a car.
Do you have a car?                               Does she have a car?

** คราวนี้ก็คงกระจ่างแล้วนะคะสำหรับการใช้ have กับ have got ^^

ความแตกต่างระหว่าง sometimes, sometime, some time

ความแตกต่างระหว่าง sometimes, sometime, some time

ความแตกต่างระหว่าง sometimes, sometime, some time

sometime, sometimes, some time สามตัวนี้มักจะใช้ผิดกันบ่อย บางคนสับสนว่าจะใช้ sometime ตัวไหนดี ในเมื่อมันสะกดเหมือนกันแต่อาจจะเขียนต่างกันเล็กน้อย ก่อนจะไปดูความหมายของแต่ละตัว เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า time กันก่อน

time เป็นได้ทั้ง คำนามที่นับได้ ที่แปลว่า “ครั้ง” และคำนามที่นับไม่ได้ ที่แปลว่า “เวลา”

  • How many times do I have to tell you?
    ฉันต้องบอกคุณกี่ครั้งกันเนี่ย
  • How much time will you spend on this report?
    คุณจะใช้เวลาสักเท่าไหร่ในการทำรายงานฉบับนี้

มาดูการใช้ sometime, sometimes, some time แต่ละตัวกันค่ะ

 *** sometime ***

sometime ที่เขียนติดกันแบบนี้ แปลว่า “เวลาหนึ่งเวลาใดในอนาคต หรือ เวลาที่ไม่แน่นอน ระบุไม่ได้ในอดีต” พูดอย่างนี้อาจจะยังนึกภาพไม่ออก ลองดูประโยคตัวอย่างนี้นะคะ

  • Call me sometime.
    ว่างๆก็โทรหาบ้างนะ   (ผู้พูดต้องการให้โทรหาบ้างเวลาไหนก็ได้ในอนาคตนับจากวันที่พูด)
  • Our house was built sometime in 1997.
    บ้านของเราสร้างในปี 1997  (พูดถึงเวลาในอดีตที่ไม่ได้ระบุอย่างแน่นอนว่าเกิดขึ้นในช่วงไหนของปี 1997)

 *** some time ***

some time ที่เขียนแยกกันแบบนี้มีความหมายว่า “ช่วงระยะเวลาหนึ่ง” ส่วนใหญ่มักใช้ในความหมายว่าใช้เวลาไปช่วงหนึ่ง ระยะหนึ่ง กับการทำอะไรสักอย่าง some time แบบนี้ก็เหมือนกับการใช้ some + Noun ตัวอื่น ซึ่ง some ในที่นี้จะแปลว่า “จำนวนหนึ่ง” เช่น

some books, some water, some students, etc ตัวอย่างประโยคเช่น

  • My report was rejected and I’ll take some time to rewrite it.
    รายงานของฉันไม่ผ่านและฉันก็ต้องใช้เวลาเขียนใหม่สักระยะ
  • He has been away for some time.
    เขาไม่อยู่สักระยะแล้ว

*** sometimes ***

sometimes ในความหมายที่พูดถึงต่อไปนี้ บังคับเลยว่าต้องมี s ห้อยท้ายเสมอ โดยจะแปลว่า “บางครั้งบางคราว” มักใช้ในประโยคที่เป็น present simple tense เช่น

  • We sometimes argue over stupid things.
    บางครั้งเราก็ทะเลาะกันด้วยเรื่องงี่เง่า
  • Sometimes I feel like living alone.
    บางครั้งฉันก็รู้สึกอยากอยู่คนเดียว

ความแตกต่างระหว่าง alright กับ all right

ความแตกต่างระหว่าง alright กับ all right

คุณว่าสองคำนี้ระหว่าง alright กับ all right ใช้เหมือนกันมั๊ย??

สองคำนี้มีหลายคนสับสนว่ามันใช้แทนกันได้มั๊ย?

คำตอบคือ ‘ใช้แทนกันได้ค่ะ’ เพราะมันเหมือนกันเลย เพียงแต่คำว่า alright เป็นคำที่กร่อนมาจากคำว่า all right อีกทีนึง ประมาณว่าขี้เกียจเขียนอะไรแบบนั้น

แต่ถ้าใช้ในงานเขียนที่เป็นทางการให้เขียน all right แบบนี้นะคะ เพราะบางคนเขาอาจจะไม่ยอมรับคำว่า alright ว่ามันถูกไวยากรณ์ แต่ถ้าเป็นภาษาพูดก็ชิวๆได้เลย เพราะเขาใช้แบบนี้กันเกลื่อนแล้วล่ะค่ะ ^^

ทีนี้มาดูความหมายกันบ้าง คำว่า alright หรือ all right เป็นได้ทั้ง adjective และ adverb นะคะ แปลได้ว่า “ใช้ได้, น่าพอใจ, ไม่เป็นไร, ปลอดภัย, อนุญาติ, เห็นด้วย, ก็ได้, ก็ดี, แน่นอน ฯลฯ” แปลได้หลายความหมายและใช้ได้ในหลายๆสถานการณ์

เช่น

เห็นเพื่อนหกล้มก็เข้าไปถามเพื่อนว่า

  • Are you alright?
    เป็นไรป่ะ

ถ้าเกิดในห้องมันร้อนแล้วอยากถามเชิงขอนุญาตเพื่อนว่า เปิดหน้าต่างได้มั๊ย ก็ถามว่า

  • It’s hot here. Is it all right if I open the window?
    ที่นี่ร้อนมากเลย จะเป็นไรมั๊ยถ้าฉันจะเปิดหน้าต่าง

ใช้ในการบอกความพึงพอใจ แต่พอใจแบบกลางๆ ก็แค่ใช้ได้ อะไรแบบนั้นไม่ได้ดีมากหรือมากที่สุด เช่น

  • Manchester’s all right, but I’d rather live in London.
    แมนเชสเตอร์ก็ดีแหละนะ แต่ฉันชอบอยู่ในลอนดอนมากกว่า

หรือเวลาที่ใครมาขอบคุณเราที่เราทำโน่นทำนี่ให้ก็พูดตอบกลับไปได้ว่า

  • It’s all right. หรือ That’s all right.
    แปลว่า “ไม่เป็นไร”

** จะใช้ all right เป็นคำอุทานก็ได้ เช่น  ใช้แสดงความเห็นด้วย

  • A: Shall we ask Kate to come too? เราจะชวนเคทมาด้วยดีมั๊ย
    B: All right. ได้ แน่นอน

ใช้ในการเรียกความสนใจเวลาเราจะพูดอะไรหรือทำอะไรสักอย่างก็ได้ เช่น

  • All right children, open your book to page 23.
    เอาละเด็กๆ เปิดหนังสือไปที่หน้า 23

หรือใช้บอกว่าเราเข้าใจในสิ่งที่อีกหนึ่งพูดก็ได้ เช่น

  • A: You need to leave now.  คุณต้องไปจากนี่เดี๋ยวนี้
    B: All right. I’m ready. ได้เลย ฉันพร้อมแล้ว

ใช้ในความหมายว่า ถูกต้องทั้งหมด  ในกรณีต้องเขียนในรูป all right ไม่เช่นนั้นความหมายจะเปลี่ยน เช่น

  • Your answers are all right.
    คำตอบของคุณถูกต้องหมด

*** All right! (เอาละ!) พอจะเข้าใจสถานการณ์ที่เราจะใช้คำนี้กันแล้วใช่มั๊ยคะ ลองเอาไปใช้ดูค่ะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

ความแตกต่างระหว่าง so กับ such

ความแตกต่างระหว่าง so กับ such

**** ความแตกต่างระหว่าง so กับ such ****

คำว่า so / such แต่ละคำมีหลายความหมายด้วยกัน แต่ความหมายที่เหมือนกันของสองคำนี้คือ แปลว่า “มาก, อย่างมาก”
แต่วิธีการใช้ของ so กับ such ต่างกันเล็กน้อย

1.  so จะใช้กับคำ คุณศัพท์ หรือ คำกริยาวิเศษณ์  ( so + adj. / adv. )  เช่น

  • She is so beautiful.  ผู้หญิงคนนี้สวยจัง
  • I’m so hungry.  ฉันหิวมากๆเลย
  • This movie was so funny. I really love it.  หนังเรื่องนี้ตลกมาก ฉันชอบมากเลย

2.  such จะใช้กับคำนามหรือ กลุ่มคำนาม  ( such + N. / Noun Phrase )  เช่น

  • It was such a boring day.  เป็นวันที่น่าเบื่ออะไรอย่างนี้
  • My room is such a mess.  ห้องของฉันรกเอามากๆเลย
  • She is such a beautiful girl. เธอคนนี้สวยจัง

** สรุปนะคะ so / such ใช้บอกเพื่อเน้นความรู้สึก

  • so + adj. / adv.
  • such + Noun / Noun Phrase

อย่าจำสับสนนะคะ ^^

…ติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา