ทำความเข้าใจ Present simple tense

Present simple tense

Present simple tense

Present simple tense เป็น tense แรกที่มักจะเจอ เข้าเรื่อง tense ปุ๊บ ก็ present simple tense ก่อนเลย การเรียนเรื่อง tense สองอย่างที่ต้องรู้เลยคือ โครงสร้างประโยคและการนำไปใช้   ดังนั้น อย่างแรกมาดูโครงสร้างประโยคของ present simple tense กันก่อนเลยค่ะ

                   โครงสร้าง :   Subject + V1

( ** คำว่า V1 ในที่นี้คือ Verb   ที่เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ กริยาจะเติม s หรือ es แต่ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ก็ไม่ต้องเติม )

แล้วถ้าอยากทำเป็นประโยคปฏิเสธกับคำถามทำยังไง? วิธีการจำง่ายๆก็คือ Tense ประโยคบอกเล่าไม่มีกริยาช่วยอะไรเลย ให้เอา Verb to do เข้ามาช่วย   ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ใช้ does ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ใช้ do เช่น

          บอกเล่า :   She walks to school every day.

          ปฏิเสธ :     She doesn’t walk to school every day.

          คำถาม :     Does she walk to school every day?

ประเด็กแรกก่อนเลยคือ ถ้ามีกริยาช่วย does ปุ๊บ กริยาให้ตัด s หรือ es ออก คือเป็นรูปธรรมดาไม่เติมอะไร ประโยคปฏิเสธให้เติม not หลัง does หรือ do เป็น does not หรือ doesn’t (รูปย่อ) และเป็น do not หรือ don’t (รูปย่อ)

ประเด็นที่สองคือประโยคคำถามให้เอากริยาช่วย Do หรือ Does มาไว้หน้าประโยคในกรณีที่เป็นคำถามแบบ Yes/No question แล้วตามด้วยประธาน และ กริยาตามลำดับ ซึ่งเป็นรูปแบบของคำถามในทุกๆ tense เลยค่ะ ที่ต้องให้กริยาช่วยมาก่อนประธาน ถ้าเป็นคำถามแบบ Wh-Question ก็เช่นเดียวกันค่ะ เพียงแค่ใส่ What, Where, Who, How, Why, etc. ข้างหน้ากริยาช่วย เช่น

  • Where do you live?
  • What does your father do?

เรื่องโครงสร้างจบไป สิ่งที่ต้องรู้ต่อมาคือ การนำไปใช้ ซึ่งขอขีดเส้นใต้สองเส้นเลยค่ะว่า สำคัญไม่แพ้โครงสร้างเลย

Present simple tense ใช้ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้ค่ะ

1. เป็นกิจวัตร หรือเป็นสิ่งที่เราทำซ้ำๆ อยู่เสมอ – คำว่า “กิจวัตร” ไม่ได้แปลว่าต้องทำประจำอย่างเดียวนะคะ แต่อาจจะแค่ทำบ่อยๆ (often) นานๆทำที (rarely) หรือไม่เคยทำเลย (never) ก็ได้  เช่น

  • He always forgets his key.   เขาลืมกุญแจตลอด
  • We doesn’t go to school on Sunday. พวกเราไม่ไปโรงเรียนในวันอาทิตย์

บางอย่างเราอาจจะไม่เคยสังเกตว่ามันเป็นการกระทำซ้ำๆ คือ อาชีพ เช่น

  • He is a taxi driver.     เขาเป็นคนขับแท็กซี่  (สิ่งที่คนขับแท็กซี่ทำประจำคือ ขับแท็กซี่)

2. สิ่งที่เป็นความจริงตลอด เช่น

  • The sun rises in the east.   ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
  • Bangkok is the capital city of Thailand. กรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงของไทย
  • Cats like eating fish.   แมวชอบกินปลา

3. เป็นปัจจุบัน เกิดขึ้นขณะที่พูด ส่วนใหญ่เป็นกริยาที่เป็น non-continuous ซึ่งอยู่ในรูปกำลังกระทำไม่ได้   เลยต้องใช้ present simple tense กริยากลุ่มนี้คือ กลุ่มความรู้สึก การแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น   want, miss, have etc.     เช่น

  • I want to drink coffee.   ฉันต้องการดื่มกาแฟ
  • I have a new car. ฉันมีรถคันใหม่

 

การเรียน Tense มีอะไรต้องจำเยอะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าใช้บ่อยๆ จะใช้ได้อย่างคล่องแคล่วแน่นอนค่ะ ^^