เทคนิคการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้ Context clues
จะอ่านภาษาอังกฤษแต่ละที่ เบื่อมานั่งเปิด dictionary กันใช่มั้ย? ทำให้เราเกลียดการอ่านภาษาอังกฤษกันไปเลย บทความนี้จะมาบอกวิธีการอ่านโดยไม่ต้องมาเปิด dictionary กันทุกคำ เจ๋งไหมล่ะ ^^ ทำยังไงน่ะเหรอ? ก็ใช้วิธีการเดาคำศัพท์จาก context clues หรือบริบทที่อยู่รอบๆคำนั้นไงล่ะ ช่วยประหยัดเวลาในการหาคำศัพท์ในพจนานุกรมได้เยอะเลย แถมเวลาอ่านก็ไม่ค่อยสะดุดเท่าไหร่ด้วย
>>เดาศัพท์จากความหมาย (definition) – วิธีการนี้คือเบสิคเลยในการเดาคำศัพท์ ยิ่งเป็นการอ่านที่เป็นแนวๆวิชาการนี่จะเจอบ่อยเลย เพราะมันจะมีคำศัพท์ทางเทคนิคอยู่เยอะแยะมากมายเลย แล้วมันก็จะมีการให้ความหมายต่อท้ายเอาไว้ เวลาเขาจะให้คำนิยามหรือความหมายของคำใดคำหนึ่ง ลองสังเกตดูนะคะ มักจะมีคำพวกนี้อยู่รอบๆ เช่น
verb to be (is, am, are), mean, can be defined as, refer to, be called as, may be described as, be known as, etc.
เช่น
- This topology can be defined as Y-shaped structure.
- Arithmetic refers to the process of doing a particular calculation.
วิธีการบอกความหมายอีกแบบหนึ่งโดยไม่ต้องใช้คำศัพท์พวกนี้ ก็คือการใช้เครื่องหมายวรรคตอน เช่น comma(,), dash(-), parentheses(), colon(:)
เช่น
- Shia-one of Islamic sect- is mostly found Iraq, Iran, Pakistan, and India.
>>เดาศัพท์จากตัวอย่าง (example) – ใช้การยกตัวอย่างเพื่อทำให้เห็นภาพหรือเข้าใจคำศัพท์มากขึ้น เช่น People have different avocations such as jogging, collecting stamps, doing sport, etc.
ถ้าเราไม่รู้ศัพท์คำว่า avocation แต่พอเห็นตัวอย่างเราก็พอจะเดาได้ว่ามันคือ งานอดิเรก นั่นเอง
>>เดาศัพท์จากคำตรงข้าม (opposite meaning) – คำที่แสดงความขัดแย้งหรือบอกความหมายที่ตรงกันข้าม เช่น however, nevertheless, but, yet, although, even though, on the other hand, on the contrary เป็นต้น
ดูได้จากประโยคตัวอย่างนี้นะคะ Adam texts to his girlfriend constantly. However, she hardly answers his message. ถ้าเราไม่รู้ว่า constantly แปลว่าอะไร ก็ให้เราสังเกตที่คำว่า hardly ที่แปลว่า ไม่ค่อยจะ แสดงว่ามันต้องตรงข้ามกับ constantly ดังนั้นคำนี้จึงแปลว่า บ่อยๆ นั่นเอง
>>เดาศัพท์จากการกล่าวซ้ำ (restatement) – มักจะมีคำพวกนี้อยู่ เช่น that is to say, that is, in other word
เช่น
- These two circles are concentric. In other words, they have the same center.
เราไม่รู้ความหมายของคำว่า concentric แต่ประโยคถัดมาจะช่วยบอกเราว่า มันหมายถึง มีศูนย์กลางร่วมกัน นั่นเอง
เห็นมั้ยคะว่าง่ายขึ้นเยอะเลย ที่จะเดาศัพท์ที่เราไม่รู้ความหมาย หมดยุคที่ต้องมานั่งเปิด dictionary ทุกคำแล้ว ^^