การใช้ here และ there
คำว่า here กับ there ทั้งสองคำนี้พื้นเพของมันคือ adverb of place หรือคำกริยาวิเศษณ์บอกตำแหน่ง/ สถานที่ here แปลว่า “ที่นี่” there แปลว่า “ที่นั่น” ตัวอย่างประโยค เช่น
- Susan isn’t there. I don’t know where she is.
ซูซานไม่ได้อยู่ที่นั่น ฉันไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน - Is anybody here?
มีใครอยู่ที่นี่มั้ย - Come over here and sit down with us.
มานี่สิ มานั่งรวมกับพวกเราสิ
โดยทั่วไป here กับ there ก็จะจับจองตำแหน่งท้ายประโยคเอาไว้ คือ วางไว้หลังสุด แต่ในบางครั้งเราจะเห็น here กับ there โผล่มาขึ้นต้นประโยคบ้าง จุดประสงค์เพื่อเน้นใจความ เป็นการพูดคล้ายๆประโยคอุทาน ซึ่งความหมายนั้นก็ต้องดูตามสถานการณ์ โดยมีโครงสร้างดังนี้ค่ะ
- Here / There + Verb (be / come / go) + Noun
- Here / There + Pronoun + Verb (be / come / go)
ตัวอย่างโครงสร้างแบบที่ 1
- Here comes Alice!
นี่ๆไง อลิซมาแล้ว
(คนพูดอาจจะเห็นอลิซเดินมาแต่ไกล จึงพูดเป็นการเน้นบอกว่า อลิซมานั่นแล้ว และในที่นี่กริยาที่ตามหลัง Alice ก็ต้องเติม s ด้วยเพราะ Alice เป็นประธานเอกพจน์)
- Hurry up! There goes the train!
รถไฟมานั่นแล้วไง
สำหรับคำว่า There goes อาจจะหมายถึงจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุดของสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ได้ เช่น
- There goes our love again.
รักของเราพังลงอีกครั้ง - There goes my diet.
ฉันเริ่มงดอาหารอยู่ - There goes our bus. I’ll have to walk.
รถเมล์ไปนู่นแล้ว คงต้องเดินแล้วแหละ - There is the prince!
นั่นไง เจ้าชาย
(There ในที่นี้ หมายถึง over there แปลว่า “ที่นั่น” อย่าสับสนกับ there is / there are ที่แปลว่า “มี” นะคะ)
ตัวอย่างโครงสร้างแบบที่ 2
- Here it is.
นี่ไง
(ใช้พูดเวลาที่เรายื่นสิ่งของให้คนอื่น)
- There she is.
นั่นไง เธออยู่นั่นไง
บางครั้งภาษาก็มีลูกเล่นเพื่อให้เกิดความสละสลวย สร้างอารมณ์ความรู้สึกขณะพูดหรือเขียน ภาษาอังกฤษก็ไม่ยกเว้นเช่นกัน ดังนั้นนอกจากต้องเรียนประโยคธรรมดาสามัญแล้วยังต้องเรียนประโยคในลักษณะนี้ด้วย เพื่อความเข้าใจในตัวภาษาอย่างถ่องแท้นะคะ ^^