การใช้ ’s ในกรณีต่างๆ
เหมือนจะง่ายๆนะคะ การใช้ apostrophe s ( ’s ) เนี่ย แต่พอไปเจอหลายๆแบบเข้าก็ชักจะมึนอยู่เหมือนกัน มาดูกันสิว่า apostrophe s ( ‘s ) ตัวเดียวตัวเนี้ย มันเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง
1. ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น
- That is Elena’s pencil box.
นั่นมันกล่องดินสอของเอเลน่า - These new trainers are Mario’s.
รองเท้ากีฬาใหม่คู่นี้เป็นของมาริโอ้
** หลัง ‘s มักจะเป็นคำนาม เพื่อบอกว่าสิ่งของนี้เป็นของใคร
2. ใช้เป็นรูปย่อของกริยาช่วย is และ has เช่น
- It’s really hot these days. ย่อมาจาก It is really hot these days.
- She’s been here for a while. ย่อมาจาก She has been here for a while.
- He’s got two big houses. ย่อมาจาก He has got two big houses.
** ปัญหาคือ จะแยกอย่างไรว่าเป็น is หรือ has วิธีการดูก็คือ คำที่ตามหลัง ‘s ที่เป็น is มักจะเป็น
is + คำนาม
is + คำคุณศัพท์
is + Ving (present continuous tense)
is + V3 ที่มีความหมายเป็น passive voice
ส่วน has มักจะตามหลังด้วย
has + V3 (Present perfect tense)
has + been + Ving (Present perfect continuous tense)
has + got (ในความหมายว่า มี )
3. ใช้ ‘s เมื่อต้องการให้คำนามจำพวก ตัวอักษร อักษรย่อ หรือตัวเลข เป็นพหูพจน์ เช่น ต้องการบอกว่า มี A หลายตัว ก็จะเขียนว่า A’s มี เลข 5 หลายตัวก็คือ 5’s แต่ในบางกรณีเช่น มีอักษรหลายๆตัว เขาจะเติม s ไปเลยก็มี คือ ABCs
4. ใส่ไว้หลังปี ค.ศ. เช่น
70’s หรือ ยุค 70 คือปี 1961-1970
90’s หรือ ยุค 90 คือปี 1981-1990
1990’s 1980’s
หรือบางคนจะใส่ s อย่างเดียวแต่ไม่ใส่ apostrophe ก็ได้เช่นกันค่ะ
ดูไปดูมา การใช้ apostrophe s (‘s) ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆซะแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องแยกระหว่าง การแสดงความเป็นเจ้าของหรือการเป็นรูปย่อของกริยาช่วย เราจะใช้คล่องก็ต่อเมื่อเราใช้บ่อยๆค่ะ ^^