การยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ

การยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ

การยกตัวอย่างในภาษาอังกฤษ

เวลาจะเขียนหรือพูดอะไรสักอย่างแล้วเกิดอยากอธิบายเพิ่มเติมให้ผู้ฟังได้เข้าใจ ก็มักจะใช้การยกตัวอย่างเพื่อขยายความ ในภาษาอังกฤษมีคำที่ใช้ในการยกตัวอย่างอยู่หลายตัวด้วยกัน และแต่ละตัวก็อาจจะมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้ค่ะ

1. การใช้ for example, for instance
for example และ for instance นั้นต่างก็มีความหมายเหมือนกันคือแปลว่า

“ตัวอย่างเช่น” และวิธีการนำไปใช้ก็ยังเหมือนกันอีกด้วย โดยมีวิธีการใช้ดังต่อไปนี้ค่ะ

1.1 วางไว้กลางประโยค – ในกรณีที่วางไว้กลางประโยค จะต้องมี comma คั่นหน้าคั่นหลังเสมอ แล้วตามด้วย รายการสิ่งของหรืออื่นๆ ซึ่งก็คือคำนามหรือกลุ่มของคำนาม ที่เราจะยกตัวอย่าง เช่น

  • I like playing sports, for example, football, basketball, tennis, etc.

1.2 วางไว้หน้าประโยค – ซึ่งก็คือการขึ้นต้นประโยคใหม่เพื่อยกตัวอย่างอธิบายความของประโยคก่อนหน้า for example แบบนี้จะต้องตามประโยคที่สมบูรณ์ค่ะ จะมาเป็นแค่คำนามหรือกลุ่มคำนามนี่ไม่ได้แล้วนะคะ เช่น

  • I like learning new things. For example, last month I took ballet course.

** การใช้ for instance ก็เช่นเดียวกันค่ะ

2. การใช้ such as
Such as ก็แปลว่า ตัวอย่างเช่นเหมือนกัน แต่วิธีการใช้ต่างจาก for example และ for instance เลย คือจะอยู่กลางประโยคเท่านั้น ไม่นำมาขึ้นต้นประโยค และหลัง such as จะต้องเป็นคำนามหรือกลุ่มคำนามเท่านั้น เช่น

  • I can cook many kinds of food such as soup, stew, fried rice, noodle, etc.

3. การใช้ e.g.
e.g. ย่อมาจาก exampli gratia (ภาษาละติน) มีความหมายว่า ตัวอย่าง, เช่น,

ดังเช่นตัวอย่างการใช้ e.g. คือ

  • We have many dishes for you to choose e.g. spaghetti, Tom-Yam-Kung, Pad-Thai.

4. การใช้เครื่องหมาย colon (:) ในการยกตัวอย่าง

เราอาจจะเคยเห็นการใช้ colon ในการยกตัวอย่างก็ได้ ใช้เครื่องหมายไปเลย ไม่ต้องใช้คำศัพท์อะไรให้วุ่นวาย มาดูตัวอย่างประโยคที่มีการใช้ colon ในการยกตัวอย่างกันค่ะ

  • I like watching fantasy movies : The Hobbit, Harry Potter, The Lord of the Ring, Percy Jackson.

ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ ^^