อักษรที่ไม่มีเสียง (silent letter)
จั่วหัวมาแบบนี้หลายคนอาจจะงง แต่เชื่อว่าน่าจะเคยสงสัยกันใช่มั้ยคะว่า ทำไมคำบางคำไม่ออกเสียงพยัญชนะตัวนี้ เช่น listen ทำไมอ่านว่า ลิซซึ่น ไม่อ่านว่า ลิซเท่น ก็เห็นตัว t อยู่ทนโท่ในคำใช่มั้ยคะ คำว่า debt ทำไมอ่าน เด้ท ทำไม่อ่านว่า เด้บ เหตุผลก็คือ เพราะตัวอักษรบางตัวในคำบางคำเขาไม่ออกเสียงค่ะ
สงสัยกันต่อไหมว่า ถ้าในเมื่อไม่ออกเสียงแล้วใส่เข้ามาทำม๊ายยย ให้มันจำศัพท์ยากเข้าไปอีก ก็เพราะที่เขาใส่ไว้ก็อาจจะเพื่อให้รู้ที่มาของคำว่ามาจากรากศัพท์หรือยืมมาจากภาษาอะไร เพราะภาษาอังกฤษก็เหมือนภาษาไทยนั่นแหละค่ะ ที่ไปยืมคำภาษาอื่นเช่นบาลี สันสกฤตเขามาใช้ แต่ภาษาอังกฤษก็อาจจะยืมมาจากพวกภาษาละติน ฝรั่เศส
สงสัยอีกแล้ว?? แล้วจะจำได้ยังไงว่าในคำนี้ อักษรตัวนี้ไม่ออกเสียง มันก็มีกฎของมันอยู่นะคะ แต่แนะนำว่าให้จำเป็นคำๆไปเลยจะง่ายกว่าการมาจำกฎ แต่การรู้กฎก็อาจเป็นไกด์ไลน์ในการออกเสียงได้นะคะ
กฎการไม่ออกเสียง
ไม่ออกเสียง A – Adj. ที่ลงท้ายด้วย calแล้วเราทำให้เป็น Adv. โดยเติม lyลงไปข้างหลังอีกเป็น -callyจะออกเสียงเป็น คลี่ ไปเลย เช่น
- automatically-ออโตเมติคลี่
- basically-เบสิคลี่ logically-โลจิคลี่
ไม่ออกเสียง B – ถ้า b อยู่หลัง m เมื่อเป็นตัวสะกดจะไม่ออกเสียง b เช่น
- dumb-ดั๊ม
- bomb-บอม climb-คลาม
**ถ้า b อยู่หน้า t ก็มักจะไม่ออกเสีย b เช่น
- subtle-ซัทเทิ้ล
- doubt-เด๊าท์
- debt-เด๊ท
ไม่ออกเสียง D –d ในคำต่อไปนี้ไม่ออกเสียง เช่น
- handkerchief-แฮงเกอร์ชีฟ
- Wednesday-เว้นส์เดย์
ไม่ออกเสียง G – ถ้า g มี n ตามหลัง จะไม่ออกเสียง เช่น
- foreign-ฟอเรน
- champagne-แชมเปญfeign-เฟน ยกเว้นบางคำเช่น signature-ซิกเนเจอร์
- cognitive-ค้อกนิทีฟ
ไม่ออกเสียง H–h มักไม่ออกเสียงเมื่อตามหลัง c, g หรือ r เช่น
- choir-ไควเออร์rhythm-ริทึ่ม
- ghastly-แกสลี่
ไม่ออกเสียง K–k จะไม่ออกเสียงถ้ามี n ตามหลัง เช่น
- know-โนว์
- knee-นี
- knock-น๊อค
ไม่ออกเสียง N – ถ้า n อยู่หลัง m เมื่อเป็นตัวสะกดจะไม่ออกเสียง n เช่น
- autumn-ออทั่ม
- hymn-ฮิมcolumn-คอลัมน์
ไม่ออกเสียง P – p มักจะไม่ออกเสียงเมื่อเป็นพยัญชนะต้นควบกับ s,tหรือ n เช่น
- Psychologist-ไซโคโลจิส
- pneumonia-นิวโมเนีย
ไม่ออกเสียง S – เรามักจะไม่ออกเสียง s ถ้ามี l ตามหลังและอยู่ตรงกลางคำ เช่น
- island-ไอแลนด์
- aisle-ไอเอิล
ไม่ออกเสียง T – t ไม่ออกเสียงในคำต่อไปนี้
- castle-แคสเซิ่ล
- Christmas-คริสต์มาส
- listen-ลิซซึ่น
- often-ออฟฟึ่น
- whistle-วิซเซิล
- bustle-บัสเซิล
- ballet-บัลเล่
- soften-ซอฟเฟ่น
ไม่ออกเสียง U – เราจะไม่ออกเสียง u เมื่อมันตามหลัง g แต่อยู่หน้าสระตัวอื่น เช่น
- guess-เก้ส
- guitar-กีต้าร์
- guidance-ไกแดนซ์
ไม่ออกเสียง W – w เมื่อเป็นพยัญชนะต้นและมี r ตามหลัง จะไม่ออกเสียง เช่น
- wrap-แร้พ
- wreck-เร้ค
** w ไม่ออกเสียงในคำต่อไปนี้
- who-ฮู
- sword-ซ้อด
- two-ทู
- whole-โฮล
- whom-ฮูม
- whose-ฮูส
- answer-แอนเซ่อร์
จริงๆแล้วกฎพวกนี้อาจจะไม่ใช่กฎซะทีเดียว เพราะบางคำก็มีข้อยกเว้น แต่เป็นเพียงข้อสังเกตให้เราได้จดจำไว้เป็นความรู้นะคะ