การเปลี่ยนเสียงหรือเชื่อมเสียงในภาษาอังกฤษ
เรื่องที่ยากสำหรับคนไทยเรื่องหนึ่งคือ แม้จะรู้คำศัพท์ สำนวนมากแล้ว แต่ทำไมยังฟังฝรั่งพูดไม่รู้เรื่องอีก เหตุผลก็คือการออกเสียงของฝรั่งจะมีการเชื่อมเสียงเวลาพูด ซึ่งทำให้เวลาพูดเลยฟังดูรัวๆเร็วๆ และพูดคำติดกันจนบางครั้งฟังแทบไม่ออกว่าเป็นคำว่าอะไร ทั้งๆที่จริงๆแล้วเวลาแกะคำออกมามันก็คิอคำศัพท์ที่เรารู้จักแล้วทั้งนั้น นอกจากจะมีการเชื่อมเสียง ยังมีการเปลี่ยนเสียงในลักษณะอื่นๆอีก มาดูกันค่ะว่าการเปลี่ยนเสียงในภาษาอังกฤษมีกี่แบบ
การเปลี่ยนเสียงในภาษาอังกฤษ มีทั้งหมด 4 แบบ
1.การเชื่อมเสียงในภาษาอังกฤษ
ลักษณะการเชื่อมเสียงในภาษาอังกฤษ มี 2 แบบ คือ
การเชื่อมเสียงพยัญชนะกับสระ
การเชื่อมเสียงพยัญชนะกับเสียงสระ คือ พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดของคำแรก มาเชื่อมเสียงกับอักษรตัวแรกที่เป็นสระของคำที่สอง ตัวอย่างเช่น
turn in อักษร n ที่เป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของคำแรก ไปเชื่อมเสียงกับสระ i ที่เป็นอักษรตัวแรกของคำที่สอง เราก็เลยจะได้ยินฝรั่งออกเสียงคำนี้ว่า เทิน นิน แทนที่จะได้ยินคำว่า เทิน อิน อย่างที่เคยเรียนกันมา
four in the morning อักษร r มาเชื่อมกับเสียงสระ i เวลาออกเสียงจึงกลายเป็น โฟ ริน เดอะ ม๊อร์นิ่ง
การเชื่อมเสียงสระกับสระ
การเชื่อมเสียงแบบที่สองคือ เชื่อมเสียงสระกับสระ สระตัวสุดท้ายของคำแรกเชื่อมกับสระตัวแรกของคำที่สอง เสียงสระเมื่อเชื่อมกันแล้ว จะกลายเป็นเสียงได้ 2 เสียงคือ เสียง /w/ และเสียง /y/ แทน สระที่ต้องมีการห่อปาก เวลาเชื่อมกันแล้วจะออกเป็นเสียง /w/ ส่วนสระที่เวลาออกเสียงมีการเหยียดปากออกด้านข้าง เวลาเชื่อมเสียงจะออกเป็นเสียง /y/ ตัวอย่างเช่น
too often สระ o ของคำแรกมาเชื่อมเสียงกับสระ o ในคำที่สอง เวลาออกเสียงจะกลายเป็น ทู วอฟเฟิ่น แทนที่จะเป็น ทู ออฟเฟิ่น เพราะเสียงสระโอเวลาออกเสียงจะห่อปาก
three egg สระ e ของคำแรกมาเชื่อมกับสระ e ในคำที่สอง เวลาออกเสียงจะกลายเป็น ธรี เย้ก แทนที่จะเป็น ธรี เอ้ก เพราะสระ e เวลาออกเสียงจะต้องเหยียดปากออกด้านข้าง
ในหนึ่งประโยคบางครั้งก็จะมีการเชื่อมเสียงมากกว่าหนึ่งตำแหน่ง ดังนั้นจึงเพิ่มความยากในการฟังให้เข้าใจมากขึ้นไปอีก ตัวอย่างเช่น
- She’s in an apartment. ประโยคนี้มีการเชื่อมเสียงหลายตำแหน่ง บางครั้งอาจจะได้ยินประโยคนี้เป็น ชี ซิน แนน นะพาร์ทเมิ่น
แต่หลักการนี้ไม่ได้หมายความว่า เวลาออกเสียงทุกครั้งจะต้องเป็นไปตามกฎนี้ทุกครั้ง การออกเสียงยังคงขึ้นอยู่กับสไตล์การพูดของแต่ละคน แต่ยิ่งเราเข้าใจวิธีการออกเสียงของฝรั่งมากเท่าไหร่ เราก็จะฟังภาษาอังกฤษได้เข้าใจมากขึ้นค่ะ แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องฝึกฟังบ่อยๆและสม่ำเสมอจะช่วยได้เยอะเลยค่ะ ^^
อ่านเพิ่มเติม
อักษรในภาษาอังกฤษที่ไม่ต้องออกเสียง [Silent letter]
การออกเสียงสูงต่ำในภาษาอังกฤษ (Intonation)
การเปลี่ยนเสียงในภาษาอังกฤษ (ตอนที 2)