การเปลี่ยนเสียงในภาษาอังกฤษ (ตอนที 2)
การเปลี่ยนเสียง ที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนที่ 1 คือการเชื่อมเสียง ในตอนนี้จะพูดถึงการเปลี่ยนเสียงในอีก 3 ลักษณะ คือ
ลักษณะของเสียงที่หายไป
ปกติฝรั่งจะออกเสียงพยัญชนะตัวท้ายหรือ final sound ชัด เช่นเสียง t หรือ s แต่ในบางครั้งการพูดภาษาอังกฤษอาจจะต้องทำให้เสียงท้ายเหล่านี้หายไปเพื่อให้เกิดความกระชับและลื่นไหลเพราะถ้าออกเสียงท้ายให้ชัดเจนจะทำให้การพูดเกิดความไม่ต่อเนื่อง เช่น
- He’s coming nex(t) week.
ในประโยคนี้คำว่า next ปกติถ้าออกเสียงเดี่ยวๆจะต้องออกเสียง t ท้ายคำ แต่เนื่องจากมันอยู่กลางประโยค เสียง t ตรงนี้เลยต้องหายไป
- That is the wors(t) place I’ve ever been to.
เช่นเดียวกัน เสียง t ในคำว่า worst จะหายไป
เสียงรวมกัน
กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อ เสียงท้ายของคำข้างหน้าเป็นเสียงเดียวกับเสียงพยัญชนะตัวแรกของคำที่ตามหลังมา เราจะออกเสียงพยัญชนะนั้นแค่ครั้งเดียว เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของคำพูดและไม่สะดุด เช่น
- He’s a bit tired. เขาเหนื่อยเล็กน้อย
เสียง t ในคำว่า bit จะไปรวมกับเสียง t ในคำว่า tired ดังนั้นจะออกเสียง t แค่ครั้งเดียว
- He’s swimming in the pool. เขากำลังว่ายน้ำในสระ
ในประโยคนี้เสียง s เราจะออกเสียงแค่ครั้งเดียว
เสียงเปลี่ยน
ในกรณีนี้คือ เมื่อเสียงท้ายที่เป็นพยัญชนะของคำแรกไปเจอกับเสียงพยัญชนะในคำที่สอง ทำให้เสียงท้ายของคำแรกมีการเปลี่ยนเสียงไป อาจจะกลายเป็นเสียงเดียวกับพยัญชนะตัวแรกของคำที่สอง เช่น
- He’s not a good girl. (goog girl)
ในประโยคนี้คำว่า good girl เสียง d หายไปเปลี่ยนเป็นเสียง g แทน
- I like speed boat. (speeb boat)
เสียง d ในคำว่า speed จะเปลี่ยนเป็นเสียง b ในคำว่า boat แทน
ซึ่งในกรณีนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคำในภาษาอังกฤษ และหลายคนก็อาจจะออกเสียงชัดตามคำเดิมของมันไม่ได้มีการเปลี่ยนเสียงใดๆ เพียงแต่มันเป็นลักษณะของเสียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในการออกเสียง ที่เราต้องเรียนรู้เรื่องเหล่านี้เพื่อให้การฟังภาษาอังกฤษของเรานั้นง่ายขึ้น
และเข้าใจที่มาที่ไปของการออกเสียงที่ไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่เราได้เรียนมาในห้องเรียน เพราะภาษาเป็นสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดและบางครั้งก็เปลี่ยนไปตามคนที่ใช้งาน ดังนั้นเราจึงมีภาษาอังกฤษในหลายๆสำเนียง วิธีการที่จะพัฒนาทักษะในการฟังของเรา คือการฝึกฟังบ่อยๆ แล้วสังเกตลักษณะการพูดของเค้า และจับความเร็ว และจังหวะในการพูดของเจ้าของภาษาให้ได้ แล้วเลียนแบบเค้าอย่างเข้าใจเพื่อให้เราใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ