Category Archives: เรียนภาษาอังกฤษกับ English 360 องศา

เรื่องรักๆ ในภาษาอังกฤษ

เรื่องรักๆ ในภาษาอังกฤษ

# มาดูกันสิคะว่า คุณมี “อาการรัก” แบบไหน

สำนวนที่ใช้บอกอาการรักในภาษาอังกฤษมีหลายสำนวนเลยค่ะ ไปดูกันเลย

** fall in love with someone / fall for someone
สำนวนนี้คงคุ้นหูคุ้นตาใครหลายๆคน แปลว่า “ตกหลุกรัก” ค่ะ เช่น

  • I think he’s falling in love with you.
    ฉันคิดว่าเขากำลังตกหลุกรักเธออยู่นะ
  • He always falls for pretty girl.
    เขามักจะตกหลุมรักผู้หญิงสวยๆอยู่เรื่อยเลย

** have a crush on someone
สำนวนนี้แปลว่า ชอบ, แอบชอบ, แอบปลื้ม อารมณ์แบบ รุ่นน้องแอบปลื้มรุ่นพี่ รุ่นพี่แอบเหล่รุ่นน้อง ประมาณนี้แหละค่ะ สำนวนนี้ความหมายของคำว่าชอบไม่ได้จริงจังเท่ากับ fall in love นะคะ นัยว่าเป็นความหลงใหลชั่วคราว ประมาณนี้ค่ะ เช่น

  • I used to have a crush on Jimmy when I was in high school.
    ฉันเคยแอบปลื้มจิมมี่ตั้งกะตอนเรียนอยู่ ม. ปลายโน่นแน่ะ

** fall head over heels for someone
สำนวนนี้แปลว่า หลงรักหัวปักหัวปำ, หลงรักเข้าอย่างจังเลย เช่น

  • I think you fall head over heels for that new comer.
    ฉันว่านะแกหลงรักยัยนักเรียนใหม่นั่นหัวปักหัวปำเลยแหละ

** to be smitten with someone
สำนวนนี้แปลประมาณว่า หลงรัก หรือ โดนใจใครเข้าอย่างจังเลย เช่น

  • I was smitten with the lady in red at the party last night.
    ฉันโดนใจแม่สาวชุดแดงในงานปาร์ตี้เมื่อคืนเข้าอย่างจังเลย

** be into someone
สำนวนนี้แปลว่า “ชื่นชอบ, หลงใหล, คลั่งไคล้”

  • I’m really into you.
    ผมชอบคุณจริงๆนะ

สำนวนนี้จะใช้กับกิจกรรมอะไรสักอย่างที่เรากำลังคลั่งไคล้อยู่ก็ได้ เช่น

  • I’m so into horse riding now.
    ฉันกำลังคลั่งไคล้การขี่ม้าเอามากๆเลยตอนนี้

** under someone’s skin
ถ้ามีใครมาบอกคุณว่า you’re under my skin อันนี้เขาบอกคุณว่า เขารักคุณจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะค่ะ ประมาณว่า คุณน่ะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขาไปแล้ว  แต่สำนวนนี้บางทีก็ต้องดูบริบทในประโยคด้วยนะคะ เพราะบางทีมันอาจจะแปลตรงข้ามกันคือ “ทำให้รำคาญ” ก็ได้

*** เผื่อสำนวนไหนตรงใจใครก็ลองเลือกไปใช้ดูนะคะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

ความแตกต่างระหว่าง alright กับ all right

ความแตกต่างระหว่าง alright กับ all right

คุณว่าสองคำนี้ระหว่าง alright กับ all right ใช้เหมือนกันมั๊ย??

สองคำนี้มีหลายคนสับสนว่ามันใช้แทนกันได้มั๊ย?

คำตอบคือ ‘ใช้แทนกันได้ค่ะ’ เพราะมันเหมือนกันเลย เพียงแต่คำว่า alright เป็นคำที่กร่อนมาจากคำว่า all right อีกทีนึง ประมาณว่าขี้เกียจเขียนอะไรแบบนั้น

แต่ถ้าใช้ในงานเขียนที่เป็นทางการให้เขียน all right แบบนี้นะคะ เพราะบางคนเขาอาจจะไม่ยอมรับคำว่า alright ว่ามันถูกไวยากรณ์ แต่ถ้าเป็นภาษาพูดก็ชิวๆได้เลย เพราะเขาใช้แบบนี้กันเกลื่อนแล้วล่ะค่ะ ^^

ทีนี้มาดูความหมายกันบ้าง คำว่า alright หรือ all right เป็นได้ทั้ง adjective และ adverb นะคะ แปลได้ว่า “ใช้ได้, น่าพอใจ, ไม่เป็นไร, ปลอดภัย, อนุญาติ, เห็นด้วย, ก็ได้, ก็ดี, แน่นอน ฯลฯ” แปลได้หลายความหมายและใช้ได้ในหลายๆสถานการณ์

เช่น

เห็นเพื่อนหกล้มก็เข้าไปถามเพื่อนว่า

  • Are you alright?
    เป็นไรป่ะ

ถ้าเกิดในห้องมันร้อนแล้วอยากถามเชิงขอนุญาตเพื่อนว่า เปิดหน้าต่างได้มั๊ย ก็ถามว่า

  • It’s hot here. Is it all right if I open the window?
    ที่นี่ร้อนมากเลย จะเป็นไรมั๊ยถ้าฉันจะเปิดหน้าต่าง

ใช้ในการบอกความพึงพอใจ แต่พอใจแบบกลางๆ ก็แค่ใช้ได้ อะไรแบบนั้นไม่ได้ดีมากหรือมากที่สุด เช่น

  • Manchester’s all right, but I’d rather live in London.
    แมนเชสเตอร์ก็ดีแหละนะ แต่ฉันชอบอยู่ในลอนดอนมากกว่า

หรือเวลาที่ใครมาขอบคุณเราที่เราทำโน่นทำนี่ให้ก็พูดตอบกลับไปได้ว่า

  • It’s all right. หรือ That’s all right.
    แปลว่า “ไม่เป็นไร”

** จะใช้ all right เป็นคำอุทานก็ได้ เช่น  ใช้แสดงความเห็นด้วย

  • A: Shall we ask Kate to come too? เราจะชวนเคทมาด้วยดีมั๊ย
    B: All right. ได้ แน่นอน

ใช้ในการเรียกความสนใจเวลาเราจะพูดอะไรหรือทำอะไรสักอย่างก็ได้ เช่น

  • All right children, open your book to page 23.
    เอาละเด็กๆ เปิดหนังสือไปที่หน้า 23

หรือใช้บอกว่าเราเข้าใจในสิ่งที่อีกหนึ่งพูดก็ได้ เช่น

  • A: You need to leave now.  คุณต้องไปจากนี่เดี๋ยวนี้
    B: All right. I’m ready. ได้เลย ฉันพร้อมแล้ว

ใช้ในความหมายว่า ถูกต้องทั้งหมด  ในกรณีต้องเขียนในรูป all right ไม่เช่นนั้นความหมายจะเปลี่ยน เช่น

  • Your answers are all right.
    คำตอบของคุณถูกต้องหมด

*** All right! (เอาละ!) พอจะเข้าใจสถานการณ์ที่เราจะใช้คำนี้กันแล้วใช่มั๊ยคะ ลองเอาไปใช้ดูค่ะ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

สำนวน screw up

สำนวน screw up

# สำนวน screw up

ถ้าแปลตรงตัว screw up จะแปลว่า ขันให้สกรูให้แน่น, ยึดด้วยสกรู หรือจะแปลว่า ขยำ ก็ได้ เช่น

  • He screwed up all the papers and tossed in the basket.
    เขาขยำกระดาษทั้งหมดแล้วโยนลงไปในตะกร้า

ถ้าเป็นสำนวนจะแปลว่า ทำพลาด, ทำผิดครั้งใหญ่ เช่น

  • I screwed up this time, didn’t I?
    คราวนี้ผมทำพลาดครั้งใหญ่เลยใช่มั๊ย

หรือจะแปลว่า ทำพัง, ทำเสียหาย, ทำป่นปี้ ก็ได้ เช่น

  • He made a bad decision that screwed up his entire life.
    เขาตัดสินใจผิดพลาดจนชีวิตทั้งชีวิตของเขาพังป่นปี้ไปแล้ว
  • I’ve just bought new mobile phone, so don’t screw it up.
    ฉันเพิ่งจะซื้อโทรศัพท์มือถือมาใหม่ อย่าทำมันพังซะล่ะ
  • You screwed my plan up!
    แกทำแผนชั้นป่นปี้ไปหมดแล้ว!

ถ้า screw someone up จะแปลว่า ทำให้หัวเสีย, ประสาทเสีย, ผิดหวัง, กวนประสาท ก็ได้ เช่น

  • You’re screwing him up.
    นายกำลังทำเขาหัวเสีย

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

โทรหาหน่อย! ภาษาอังกฤษพูดว่าไง

โทรหาหน่อย!

# โทรหาหน่อย! ภาษาอังกฤษพูดว่าไง

ปกติถ้าจะบอกให้ใครโทรหาเรา ก็จะพูดง่ายๆ ว่า call me หรืออาจจะระบุเวลาไปด้วยก็ได้ว่า call me tonight หรือ call me tomorrow

แต่ยังมีสำนวนอื่นๆอีกที่ใช้ได้เหมือนกัน สำนวนแรกคือ  give me a call หรือจะใช้ give me a ring ก็ได้ค่ะ เช่น

  • Don’t forget to give me a call tomorrow.
    อย่าลืมโทรหาฉันพรุ่งนี้นะ

อีกสำนวนหนึ่ง เป็นคำสแลง ถ้าใครบอกกับคุณว่า hit me up tomorrow เขาไม่ได้บอกให้คุณไปต่อยเขาได้เลยหรอกนะ แต่เขาบอกว่าให้โทรหาด้วยต่างหากนะคะ เช่น

  • I’ll hit you up tonight.
    ฉันจะโทรหาคุณคืนนี้

นอกจากนี้ยังใช้สำนวนที่ว่า give someone a buzz ได้ด้วยค่ะ เช่น

  • She gave me a buzz this morning and said she got dump.
    เธอโทรหาฉันเมื่อเช้านี้แล้วบอกว่าเธอโดนแฟนทิ้งแล้ว

หรือจะพูดให้เก๋ๆหน่อยก็ใช้ว่า buzz someone เช่น

  • She texts me to buzz her now.
    เธอส่งข้อความให้โทรหาตอนนี้เลย

** แต่ตอนนี้อยากจะบอกให้ใครก็ได้ give me a buzz to tell me the volleyball score now. โทรมาบอกผลคะแนนวอลเล่ย์บอลหน่อย ถึงไหนแล้วววว ลุ้นกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ตอนนี้ ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

your fly is open! คุณลืมรูดซิปกางเกง

your fly is open! คุณลืมรูดซิปกางเกง

your fly is open!

คำว่า fly ในที่นี้เป็นคำสแลงของอเมริกันชนเขานะคะ แปลว่า ซิปกางเกงค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดมีใครมาพูดกับคุณว่า

Excuse me. Your fly is open!
นั่นแปลว่า เขากำลังเตือนคุณว่า คุณลืมรูดซิปกางเกง

หรืออาจจะใช้คำว่า

  • Your fly is undone.
  • Your fly is unziped.

หรือ

  • Your zipper is down.
  • Your forgot to zip your pants.

** เวลาจะบอกใครว่า ลืมรูดซิป ก็บอกให้ได้ยินกันแค่สองคนพอนะคะ ถ้าพูดเสียงดังไปเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกขอบคุณที่คุณไปเตือนเขา แต่อาจจะเหวี่ยงใส่คุณแทน เพราะทำให้เขาต้องอาย ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

มาดูสแลงกันหน่อย คำว่า hell

มาดูสแลงกันหน่อย คำว่า hell

# มาดูสแลงกันหน่อย คำว่า hell

ปกติคำว่า hell มันจะแปลว่า “นรก” แต่บางทีฝรั่งก็ชอบมาใช้เป็นคำสแลง ใช้ในภาษาพูด ไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ ถ้าใครชอบดูหนังจะเจอบ่อยมาก ฝรั่งชอบอุทานว่า

  • What the hell ! แปลประมาณว่า “อะไรวะเนี่ย!”

บางทีมันก็มักจะตามหลังคำแสดงคำถามพวก what, when, where, why อะไรแบบนี้ เพื่อเพิ่มดีกรีหรือเพิ่มความฮาร์ดคอร์ให้กับประโยคเราเข้าไปอีก เช่น

  • What the hell happened?
    เกิดบ้าอะไรกันขึ้นวะเนี่ย?
  • Where the hell have you been?
    แกหายหัวไปอยู่ไหนมาวะ?
  • Who the hell is he?
    ไอ้หมอนั่นมันใครกันวะ?
  • What the hell are you doing?
    แกกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย?

** มีสำนวนที่ใช้ hell ด้วยเหมือนกัน คือ as hell อันนี้ก็ไว้ใช้บอกดีกรีความรุนแรงเหมือนกัน เอาไว้เน้นเวลาพูด แปลเป็นไทยก็ประมาณว่า “โคตรๆ, สุดๆไปเลย, อย่างที่สุด” นั่นแหละค่ะ ใช้ได้ทั้งกับความหมายที่เป็นบวกและลบ เช่น Continue reading

English 360 องศา : make กับ do ต่างกันยังไง

make กับ do ต่างกันยังไง

# make กับ do ต่างกันยังไง

ถ้าแปลเป็นภาษาไทย สองคำนี้จะแปลเหมือนกันใช่มั๊ยคะ แปลว่า “ทำ” แต่ในภาษาอังกฤษ จะใช้ต่างกันค่ะ

จริงๆก็มีหลักในการแยกแยะการใช้ 2 คำนี้อยู่เหมือนกันค่ะ มาดูการใช้ make กันก่อนเลย

** หลักการใช้ make
make ความหมายภาษาอังกฤษ จะแปลว่า to create, to produce ซึ่งนั่นก็หมายถึง การสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ผลิตหรือทำอะไรให้ได้ผลลัพธ์ออกมาใหม่ๆ เป็นชิ้นเป็นอัน

  • ฉะนั้นถ้าเราทำกับข้าวมื้อเย็นหรือทำเค้ก เราก็จะบอกว่า make dinner หรือ make a cake
    (เพราะต้องมีการนำส่วนผสม เครื่องปรุง ทั้งหมดมาผสมรวมกันก่อนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นอาหาร 1 จาน)
  • ชงกาแฟหรือชาก็ใช้ make a cup of coffee, make some tea

make ยังนำไปใช้ในสำนวนต่างๆ เช่น

  • make a mistake
  • make a decision
  • make a call
  • make arrangement
  • make noise
  • etc.

และมีอีกเยอะมากๆเลยค่ะ ^^

** หลักการใช้ do
do จะใช้กับการทำกิจกรรม ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ล้างจาน, ซักผ้า อะไรพวกนี้ เช่น Continue reading

การใช้คำว่า get

การใช้คำว่า get

# การใช้คำว่า get

get ถือเป็นคำสารพัดประโยชน์มากๆ ใช้ได้หลายความหมาย ถ้าหากไปเปิดหาความหมายของ get ในพจนานุกรมล่ะก็ คุณอาจต้องใช้เวลาส่องหาความหมายที่ต้องการนานเป็นพิเศษ เพราะมันเยอะมากนั่นเอง เอาล่ะ!! อย่าได้เสียเวลาเลย มาดูความหมายของ get กันค่ะ

** get ความหมายแรกเป็น verb แปลว่า “ได้รับ” เช่น

  • I got a nice present for my birthday.
    ฉันได้ของขวัญน่ารักๆชิ้นนึงในวันเกิด
  • He got a promotion.
    เขาได้เลื่อนตำแหน่ง

** get ในความหมายว่า “ไปเอามาหรือไปหยิบมา” เช่น

  • I’ll get you some water.
    ฉันจะไปเอาน้ำมาให้
  • Can you please get me the book over there?
    คุณช่วยไปหยิบหนังสือตรงนั้นให้หน่อยได้มั๊ยครับ

** ใช้ get ในความหมายของ การซื้อสิ่งของต่างๆก็ได้นะเออ  เช่น Continue reading

สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ Moon

สำนวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ Moon

วันนี้ขอเสนอสำนวนเกี่ยวกับ moon หรือพระจันทร์ ค่ะ

ไม่ใช่มีแต่พี่ไทยนะคะที่เอาพระจันทร์ไปเปรียบเทียบต่างๆนานา แต่ฝรั่งเขาก็มีเหมือนกันค่ะ ลองดูค่ะ

1. once in a blue moon

สำนวนนี้คงคุ้นหูคุ้นตาหลายๆคน ความหมายของมันก็คือ
“นานๆครั้ง ไม่บ่อยนัก” เช่น

  • I work in London, so I only see my family once in a blue moon.
    ฉันทำงานที่ลอนดอน ฉะนั้นก็เลยได้เจอครอบครัวแค่นานๆครั้ง (ไม่ใช่เจอครอบครัวในวันพระจันทร์เป็นสีน้ำเงินนะคะ ^^)

2. over the moon

สำนวนนี้แปลว่า มีความสุขมากๆ very happy เหมือนกับสำนวน I’m on top of the world. ประมาณนี้ล่ะค่ะ เช่น

  • She’s been over the moon after her boyfriend ask her to get married.
    เธอมีความสุขมากๆเลยหลังจากที่แฟนหนุ่มเธอขอแต่งงาน

3. ask for the moon

สำนวนนี้แปลว่า “ขอมากเกินไป อยากได้อะไรที่เป็นไปไม่ได้หรือมีค่ามากมหาศาล” ฝรั่งเขาเปรียบการขออะไรที่เป็นไปไม่ได้เหมือนกับการขอพระจันทร์น่ะค่ะ คือยังไงก็ไปสอยเอามาให้ไม่ได้หรอกค่ะ เช่น

  • Don’t ask for the moon with me. Be reasonable!
    อย่ามาขออะไรที่มากเกินไปกับผมนะ มีเหตุผลหน่อยสิ

4. promise (someone) the moon / promise the moon to (someone)

จะใช้แบบไหนก็ได้นะคะ ได้ทั้งสองแบบเลย สำนวนนี้แปลว่า สัญญาอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หรือง่ายๆเลยภาษาบ้านๆเรียกว่า “สัญญาอะไรลมๆแล้งๆ” เช่น

  • Don’t promise me the moon. I don’t want to get pain with your words any more.
    อย่าสัญญาอะไรลมๆแล้งๆกับฉันเลย ฉันไม่อยากเจ็บปวดกับคำพูดของคุณอีกต่อไป

ส่งท้ายด้วยประโยคนี้ค่ะ

  • I’m over the moon when I spend my time with this page. ^^

…อย่าลืมติดตามกันได้ในเพจ English 360 องศา

วิธีการเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นปฏิเสธ ด้วย helping verb (verb to do, verb to have, verb to be)

helping verb (verb to do, verb to have, verb to be)

การเปลี่ยนประโยคให้เป็นประโยคปฏิเสธมีหลักยังไงคะ?

helping-verb
helping verb
  • โดยปกติประโยคปฏิเสธจะมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไปตาม tense นะคะ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะแต่ละ tense จะมีกริยาช่วย (helping verb) ไม่เหมือนกัน
  • เหตุผลที่ต้องพูดถึง helping verb ก็เพราะว่า เจ้ากริยาช่วยนี่แหละค่ะที่จะช่วยเราในการเปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ
  • วิธีการก็ง่ายแสนง่ายค่ะ แค่เอา not ไปใส่ไว้หลังกริยาช่วยในประโยคก็สามารถทำให้เป็นประโยคปฏิเสธได้แล้วล่ะค่ะ

กริยาช่วยมีอะไรบ้าง?

กริยาช่วยก็คือ

  • verb to do (do, does, did)
  • verb to have ( have, has, had)
  • verb to be ( is, am, are, was, were)

ลองมาดูตัวอย่างของแต่ละ tense กันเลยค่ะ

  • I go to work by bus every day. ( present simple tense)

ลองสังเกตประโยคนี้นะคะ ประโยค present simple tense บางประโยคจะไม่มี verb ช่วย ให้เราเอา verb to do เข้ามาช่วยทำให้เป็นปฏิเสธนะคะ ก็จะเป็น

  • I do not go to work by bus every day.

present simple tense บางประโยคเช่น

  • They are my friends.

ให้เติม not หลัง are ได้เลยค่ะ เป็น

  • They are not my friends.

ลองดู tense อื่นกันค่ะ Continue reading