Intonation
นอกจากการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษแล้ว การเรียนการออกเสียงในภาษาอังกฤษก็เป็นสิ่งสำคัญ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มี Intonation แล้ว intonation คืออะไร? มันก็คือเสียงขึ้นลงที่เราใช้ในเวลาพูด ถ้าสังเกตฝรั่งเวลาพูดเขาจะไม่พูดเสียงราบเรียบทั้งประโยค จะมีการขึ้น การลงของเสียง ซึ่งถ้าหากว่าเราอยากพูดภาษาอังกฤษให้ได้เหมือนเจ้าของภาษาเราก็ต้องมารู้จักหลักการในการออกเสียงขึ้นลงเหล่านี้ นอกจากนี้ยังช่วยในการฟังภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีกด้วย
โดยปกติแล้ว รูปแบบของ intonation ในภาษาอังกฤษจะมี 2 รูปแบบหลักๆคือ
1. falling intonation การลงเสียงต่ำ
2. rising intonation การขึ้นเสียงสูง
หลักการใช้คร่าวๆของแต่อันมีดังนี้ค่ะ
1. falling intonation ให้สังเกตคำที่ขีดเส้นใต้จะเป็นคำที่ลงเสียงต่ำ
1.1 ใช้กับประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ธรรมดา เช่น
- It was quite bad.
- I want to see him again.
1.2 ใช้สำหรับคำลงท้ายของประโยคคำถามแบบ Wh-question เช่น
- What do you usually eat for lunch?
- Who is that?
- What’s it?
1.3 ใช้กับประโยคคำสั่งที่เน้น เช่น
- Don’t make loud noise.
- Sit down.
2. rising intonation
2.1 ใช้ลงท้ายประโยคคำถามที่เป็นแบบ yes / no question
- Is she a teacher?
- Have you seen him?
- Can I see it?
2.2 ใช้กับประโยคบอกเล่าธรรมดาที่เราต้องการให้มันเป็นคำถาม เช่น
- You like it?
- I can’t go?
2.3 ใช้ในการแสดงการทักทาย เช่น
- Good Morning
- Good afternoon
- Good evening
2.4 เวลาต้องการเกริ่นนำก่อนเข้าเนื้อหา เราสามารถพูดวลีที่เป็นการเกริ่นนำให้เป็นเสียงสูงได้ เช่น
- As we know, Thailand is an agricultural country.
2.5 ในการพูดถึง สิ่งของที่มีหลายอย่างเป็นหมวดหมู่ เรามักขึ้นเสียงสูงทุกคำแล้วลงเสียงต่ำที่คำสุดท้าย เช่น
- I like to eat vegetables like carrot, tomato, and cabbage.
** เมื่อเราออกเสียงได้ชัดเจน น่าฟัง มีการใช้เสียงสูงต่ำ ไวยากรณ์ถูกต้อง ใช้ศัพท์ได้หลากหลาย ก็จะทำให้ภาษาอังกฤษของเราคล้ายกับเจ้าของภาษามากยิ่งขึ้นค่ะ ^^