ตอนที่ 42 : คำนี้ใช้เมื่อไหร่ต้องเติม s เสมอ

คำนี้ใช้เมื่อไหร่ต้องเติม s เสมอ

คำนี้ใช้เมื่อไหร่ต้องเติม s เสมอ

การออกเสียง s ท้ายคำถือเป็นเสน่ห์ในการพูดภาษาอังกฤษเลยก็ว่าได้  เพราะมันฟังดูแล้วเหมือนเรามี accent ของเจ้าของภาษาใช่มั้ยคะ  แต่คุณขา!! บางคนก็เติม s เยอะไปโดยไม่จำเป็น บางคำไม่มีเสียง s แต่ก็เติมเข้าไป  ทว่าบางคำต้องมี s  แต่กลับไม่ออกเสียงซะงั้น  ในภาษาอังกฤษจะมีคำบางคำที่ต้องเติม  s  เสมอซึ่งจะมีทั้งคำนามที่เมื่อเติมแล้วมีความหมายเป็นพหูพจน์ถึงแม้ว่าจะมีแค่ชิ้นเดียว  และคำที่ต้องเติม s เสมอแต่ไม่ได้มีความหมายเป็นพหูพจน์แต่เพราะเป็นส่วนหนึ่งของคำนั้นอยู่แล้ว  คำดังกล่าวมีดังนี้ค่ะ

คำนามที่ต้องเติม s เสมอถึงแม้ว่าจะหมายถึงของแค่ชิ้นเดียว  ซึ่งก็มักจะเป็นพวกกางเกง  กรรไกร หรืออะไรที่มักจะมาเป็นคู่  เช่น

jeans-กางเกงยีนส์            scissors-กรรไกร 

trousers-กางเกงขายาว   shorts-กางเกงขาสั้น 

glasses-แว่นตา                goods-สินค้า 

clothes-เสื้อผ้า                 pants-กางเกง

โดยที่คำนามเหล่านี้ก็จะถือว่าเป็นพหูพจน์และใช้กับกริยาพหูพจน์ด้วย เช่น

  • The glasses don’t fit me.
    แว่นอันนี้ไม่เหมาะกับฉันเลย
  • There are no jeans in my wardrobe.
    ไม่มีกางเกงยีนส์ในตู้เสื้อผ้าของฉันเลย

และนอกจากนี้ก็จะมีคำนามอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องตามด้วย s เสมอๆ แต่คนไทยเราชอบลืมใส่หรือไม่ได้ใส่ใจว่าต้องใส่ s ไว้ท้ายคำ  เช่น

always แปลว่า   สม่ำเสมอ….ใช้บอกความถี่  เช่น

  • Sam always stays up late.
    แซมมักจะนอนดึกเสมอๆ

sometimesแปลว่า  บางครั้งบางคราว….ใช้บอกความถี่เช่นเดียวกัน  เช่น

  • We sometimes eat out at that restaurant.
    บางครั้งพวกเราก็ออกไปกินข้าวนอกบ้านกันที่ร้านนั้น

congratulationsขอแสดงความยินดี….ใช้พูดเวลาที่ต้องการแสดงความยินดี  ซึ่งต้องย้ำเลยว่าไม่ว่าจะพูดหรือเขียนคำนี้ต้องมี s ลงท้ายคำเสมอๆนะคะ

nowadaysแปลว่า  ปัจจุบัน….เป็นคำขยายที่บอกเวลา  เช่น

  • Nowadays,Many products are sold on the Internet.
    ในปัจจุบัน มีสินค้าขายกันในอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก

ถ้าจะใช้คำว่า as followsซึ่งแปลว่า “ดังต่อไปนี้”อย่าลืมว่าต้องมี s เสมอนะคะ  เช่น

  • Its advantages are as follows.
    ข้อดีมีดังต่อไปนี้

means คำนี้ไม่ได้แปลว่า  หมายความว่า   นะคะ  แต่หมายถึง  วิธี  ซึ่งในความหมายนี้ต้องมี s ติดสอยห้อยตามมาด้วยเสมอค่ะ  เช่น

  • A plane is the fast means of transportation.
    เครื่องบินเป็นวิธีการเดินทางที่เร็วที่สุด

minutesอ๊ะ! อ๊ะ! คำนี้ไม่ได้แปลว่านาทีอย่างเดียวนะคะ  ถ้าใช้ในบริบทของธุรกิจจะหมายถึง  รายงานการประชุม ค่ะ   อย่าลืมใส่ s นะคะ

in terms ofคำนี้แปลว่า  “ในแง่ของ”   เช่น

  • Many questions have been raised in terms of the stability of our economy.
    มีความคำถามเกิดขึ้นหลายคำถามด้วยกันในแง่ของความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

อย่าลืมนะคะ  ตรงไหนมี s อย่าลืมเติม s  ตรงไหนไม่มี s อย่าใส่เข้าไปพร่ำเพรื่อนะคะ ^^