การใช้ article ( a, an, the )

การใช้ article ( a, an, the )

การใช้ article ( a, an, the )

Article: a, an, the คือ คำนำหน้าคำนาม ใครที่เรียนภาษาอังกฤษ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก article a, an, และ the เพราะเป็นพื้นฐานขั้นต้นเลยก็ว่าได้ แต่พอเอาไปใช้จริงๆ ยังง๊ายยยยังไงก็ยังใช้ไม่ถูกกันอยู่ดี จะใช้ทีก็ลังเลเป็นนานสองนาน เอ๊ะ จะ a หรือจะ the ดี?? จะใช้ a เอ๊ะ! รู้สึกไม่คุ้นแห๊ะ เอา the ละกัน หรือตรงนี้ the แน่เหรอ ฟังทะแม่งๆ เอา a หรือ an ดีกว่า เคยเป็นกันใช่มั๊ยล่ะคะแบบนี้ ^^ อันที่จริงหลักง่ายๆในการใช้สามตัวนี้มีอยู่ดังนี้ค่ะ

1. A ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ ที่เป็นนามทั่วๆไป ไม่ชี้เฉพาะเจาะจงว่าเป็น “อันนั้น” หรือ “อันนี้” เช่น ถ้าเกิดเพื่อนคุณพูดขึ้นมาว่า “I want to buy a car.” a car ในที่นี้มีความหมายว่า “รถหนึ่งคันซึ่งเป็นรถทั่วๆไป ไม่ได้ระบุว่ายี่ห้อไหน สีอะไร หรือคันไหน”

2. An ใช้เหมือนกับ A ทุกประการ เพียงแต่ A ใช้นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ และ An ใช้นำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ ขอย้ำ!! นะคะว่าเราสังเกต ที่เสียงไม่ใช่ตัวอักษร เพราะตัวอักษรบางตัวเป็นพยัญชนะก็จริงแต่อาจจะออกเสียงเหมือนสระก็ได้ เช่น คำว่า hour ออกเสียงว่า เอาเอ่อร์ ไม่ใช่ เฮาเอ่อร์ จึงต้องใช้ an นำหน้า เป็น an hour แปลว่า ชั่วโมงนึง หรือคำว่า university ขึ้นต้นด้วยสระก็จริงแต่ออกเสียงว่า ยูนิเวอร์ซิตี้ ไม่ใช่ อูนิเวอร์ซิตี้ จึงต้องใช้ a นำหน้า เป็น a university

3. The ใช้ได้ทั้งกับนามเอกพจน์และพหูพจน์ ทั้งที่นับได้ และนับไม่ได้ The ไม่สนว่านามนั้นมีจำนวนเท่าไหร่ แต่เราจะใช้ the ก็ต่อเมื่อเป็นคำนามชี้เฉพาะ เราและผู้ฟังรู้และเข้าใจตรงกันว่าหมายถึง นามอันไหน คนไหน หรือ สิ่งไหน เช่นถ้าเพื่อนคุณบอกว่า I want to buy the car. “car” ในที่นี้จะหมายถึง รถคันนี้ ซึ่งคุณกับเพื่อนเข้าใจตรงกันว่าคันไหน เพราะมีการคุยกันมาก่อน หรือ เพื่อนคุณเอารูปให้ดู โดยจะหมายความเป็นรถคันอื่นไปไม่ได้ ต้องคันนี้เท่านั้น อีกกรณีหนึ่งที่จะใช้ the คือนามนั้นถูกกล่าวถึงเป็นครั้งที่สอง เพราะนั่นหมายความว่าผู้พูดและผู้ฟังจะเข้าใจตรงกันแล้วว่า นามนั้นคืออันไหนหรือ คนไหน เช่น
There was a man standing under a tree. The man is waiting for his girlfriend. a man ในประโยคแรกถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรก แต่เมื่อถูกกล่าวถึงอีกเป็นครั้งที่สองในประโยคที่สอง จึงใช้ the

นอกจากหลักการทั่วๆไปที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ยังมีการใช้ a/an หรือ the ในกรณีอื่นๆอีกที่ผู้ใช้ต้องจำ เป็นกรณีไป ดังนี้

หลักการใช้ a/an
1. ใช้นำหน้าอาชีพ เช่น

  • He’s a doctor.
  • I’m a teacher.

2. ใช้กับอาการเจ็บไข้ได้ป่วย เช่น

  • I have a headache.
  • She has a cough.

3. ใช้นำหน้านามที่บอกถึง ราคา, น้ำหนัก, ความเร็ว, อัตรส่วน, เวลา เช่น

  • five dollars a pair คู่ละ 5 ดอลล่าร์
  • sixty miles an hour 60 ไมล์ต่อชั่วโมง
  • twice a week สัปดาห์ละสองครั้ง

4. ใช้กับสำนวนในประโยคอุทาน เช่น

  • What a wonderful day!
  • What a hot day it is!

หลักการใช้ the1. ใช้เมื่อพูดถึงเครื่องดนตรี เช่น

  • I can play the piano.
  • She never plays the guitar.

2. ใช้นำหน้าคำนามที่มีสิ่งเดียว เช่น the moon, the sun, the world
3. ใช้นำหน้าชื่อ ครอบครัว เช่น The Browns (ครอบครัวบราวน์), The Brooks (ครอบครัวบรู๊ค)
4. ใช้กับสถานที่ ดังต่อไปนี้ ทะเล, เทือกเขา, แม่น้ำ, ทะเลทราย, โรงแรม, โรงหนัง, พิพิธภัณฑ์ เช่น The Pacific, The Nile, The Sahara, The National Museum etc.
5. เมื่อใช้ The + Adjective จะหมายถึง บุคคลกลุ่มนั้น เช่น The rich (พวกคนรวย) ,The brave (พวกคนกล้าหาญ), The poor (พวกคนจน),  The sick (พวกคนป่วย) etc.